CASINO ONLINE

CASINO ONLINE
CASINO ONLINE

Tuesday, May 28, 2019

แซนด์วิชโบราณ สูตรน้ำสลัดสีเหลือง

สูตรอาหารเช้าชิ้นสามเหลี่ยม ไส้โบโล่น่ากับหมูหย็อง ทาน้ำสลัดไข่แดงล้วนสีเหลือง แค่ชิ้นเดียวก็อิ่มสบายท้อง


          ชวนย้อนรำลึกถึงเมนูแซนด์วิชโบราณที่เคยกินสมัยเด็ก ตอนนี้แม้อยากจะกินแต่หาซื้อยากตามท้องตลาด วันหยุดใครพอมีเวลามาเข้าครัวทำกินเองกันเลย กระปุกดอทคอมขอนำเสนอวิธีทำแซนด์วิชโบราณ สูตรจาก คุณแขมร อินเตอร์ สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เริ่มจากทำน้ำสลัดสีเหลืองกันก่อน สูตรนี้ใช้ไข่แดงล้วนผสมกับมายองเนส น้ำส้มสายชู นมข้นหวาน สีผสมอาหารสีเหลือง น้ำมันรำข้าว และพริกไทยป่น พอเสร็จแล้วก็ทาลงบนขนมปังแล้วใส่ไส้โบโลน่ากับหมูหย็อง หั่นเป็นชิ้นสามเหลี่ยมจัดเสิร์ฟ
คลิกเลย
         แซนด์วิชโบราณเป็นเมนูที่ชอบกินมากสมัยเด็ก รู้สึกเป็นคนรวย เป็นผู้ดีเวลาได้กินขนมปัง แขมร...ไม่ได้ค่าขนมไปเรียนทุกวันนะ แต่ถ้าวันไหนแม่ให้สตางค์ก็จะมองหาขนมที่ชอบ และเมนูนี้ก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ชอบกินมาก วันก่อนที่บ้านเขาส่งหมูหย็องมาให้ เลยได้ย้อนรอยเอาแซนด์วิชโบราณ แซนด์วิชหมูหย็อง มาฝากเพื่อน ๆ เดี๋ยวจะส่งความอร่อยให้เพื่อนที่เมืองบาธด้วย รอรับเด้อค่ะ เพื่อนที่เคยส่งหม้อหุงข้าวพร้อมกับยัดไส้ปลาร้าบองมาให้แขมรนั่นเอง ขอบคุณสูตรจาก Pimmy Taste

ส่วนผสม แซนด์วิชโบราณ
ขนมปังแซนด์วิช 4 แผ่น
หมูหย็อง
โบโลน่า หรือแฮม 2 แผ่น
น้ำสลัดแซนด์วิช

ส่วนผสม น้ำสลัดแซนด์วิช (สูตรไข่แดงล้วน)
น้ำตาลทราย 100 กรัม
ไข่แดงไข่ไก่ เบอร์ใหญ่ 2 ฟอง
นมข้นหวาน 100 กรัม
มายองเนส 120 กรัม
น้ำส้มสายชู 2 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 1/4 ช้อนชา
พริกไทยขาว 1 ช้อนชา
น้ำมันรำข้าว 180 มิลลิลิตร
สีผสมอาหารสีเหลือง ปริมาณตามชอบ

วิธีทำแซนด์วิชโบราณ
    ​​​​► เทน้ำตาลและไข่แดงลงถ้วย ตีให้เข้ากันดี
    ​​​​► เทนมข้นหวาน มายองเนส น้ำส้มสายชู และเกลือลงไป ตีให้เข้ากัน
    ​​​​► นำไปตุ๋นโดยเอาภาชนะที่ใส่ส่วนผสมน้ำสลัดวางบนหม้อน้ำเดือด ใช้ไฟอ่อน ๆ ประมาณ 5-7 นาที หรือถ้าไม่ได้จับเวลาให้ใช้นิ้วจุ่มเช็กอุณหภูมิ ถ้าอุ่น ๆ เป็นอันใช้ได้
    ​​​​► ยกลงจากเตา เทพริกไทยป่น สีผสมอาหาร และน้ำมันลงไป
    ​​​​► คนส่วนผสมทุกอย่างให้เข้ากันดี และใส่สีเพิ่มตามชอบ
    ​​​​► รอให้น้ำสลัดหรือครีมเย็นตัวสักครู่ ค่อยมาปาดแซนด์วิชกันค่ะ ขนมปังที่ใช้ 4 แผ่น ทาครีมทุกชั้น โดยชั้นแรกโปะโบโลน่าหรือแฮม ถัดมาโปะหมูหย็องตรงกลาง ตามด้วยโบโลน่าอีกชั้น เป็นอันจบ


ขอบคุณแหล่งที่มา  https://cooking.kapook.com

No comments:

Post a Comment