CASINO ONLINE

CASINO ONLINE
CASINO ONLINE

Friday, December 20, 2019

อาหารกลางวันสำคัญไฉน?

         อาหารกลางวัน 

           การเลือกกินอาหารในหลายๆครั้งไม่ใช่เพียงเพื่อทุเลาความโหยหิว หากแต่ว่าเป็นการสะท้อนวิถีทางคิด อัตลักษณ์ทางด้านวัฒนธรรม และก็ไลฟ์สไตล์ส่วนตัวของผู้รับประทาน จนกระทั่งการเลือกเสิร์ฟอาหารของเชฟ หรือในร้านอาหารก็ยังเป็นความอยากได้แสดงออกถึงความสามารถสำหรับเพื่อการคัดสรรวัตถุดิบมาแต่งรส รวมทั้งยังมีคุณประโยชน์สำคัญอีกมากมายที่หลบเร้นอยู่ในอาหารพวกนั้น

          อาหารในโรงเรียนก็เหมือนกัน นอกเหนือจากการที่จะมีไว้เพื่อนักเรียนทุกคนอิ่มท้อง ของกินแต่ละมื้อยังแสดงความนิยม และทัศนคติของผู้จัดหาอาหารว่า เขาให้ความเอาใจใส่กับโภชนาการของอาหารแต่ละมื้อของเด็กๆเพียงใด แล้วหลังจากนั้นก็เขาอยากได้หล่อเลี้ยงนักเรียนของเขาให้เติบโตขึ้นด้วยอาหารพวกใด



       นอกเหนือจากการหาอาหารในปริมาณที่พอเพียงต่อสิ่งที่จำเป็นของนักศึกษาแล้ว สถานศึกษาหลายที่ในประเทศอเมริกายังให้ความเอาใจใส่ต่อการกำหนดหมวดของของกินให้แก่นักเรียนของพวกเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วยความไว้ใจที่ว่า ของกินที่มีสาระจำทำให้นิสิตอ่อนเพลียกับการศึกษาต่ำลง มีส่วนร่วมในชั้นเรียนมากเพิ่มขึ้นทั้งเพิ่มความรู้ความเข้าใจศึกษาได้มากขึ้น

             บางโรงเรียนในประเทศสหรัฐฯ ใช้กรรมแนวทางหาอาหารมื้อเช้าตรู่มาให้เด็กนักเรียน ซึ่งคำตอบที่เกิดขึ้นเป็น ปริมาณของเด็กนักเรียนที่มาสถานที่เรียนมีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆการปฏิบัติทางการเรียนได้รับการพัฒนาในทางบวก และก็ยังพบว่านักเรียนมีสมาธิสำหรับในการเรียนมากขึ้นเรื่อยๆ

แหล่งที่มา  :  educathai


Monday, December 9, 2019

ขนมเค้กไข่ไต้หวัน หอมอร่อย พร้อมแนวทางการทำ

ขนมเค้กไข่ไต้หวัน ทำกินเองได้ง่ายๆ



ส่วนประกอบ ไข่แดง
ไข่แดง (เบอร์ 2) 7 ฟอง
แป้งเค้ก 150 กรัม
เกลือป่น 1/4 ช้อนชา
นมข้นจืด 145 กรัม
กลิ่นวานิลลา 2 ช้อนชา
น้ำมันพืช 100 กรัม
ส่วนประกอบ ไข่ขาว
ไข่ขาว (เบอร์ 2) 7 ฟอง
ครีมออฟทาร์ทาร์ (หรือน้ำมะนาว) 1 ช้อนชา
น้ำตาล 100-120 กรัม (สามารถเพิ่ม-ลดน้ำตาลได้)
แป้งข้าวโพด 1 ช้อนชา

วิธีการทำขนมเค้กไข่ไต้หวัน
1. ทำส่วนประกอบไข่แดงโดยร่อนแป้งขนมเค้กกับเกลือป่น โดยประมาณ 2 รอบ การร่อนแป้งจะมีผลให้กรองเศษฝุ่น รวมทั้งระหว่างที่ร่อนแป้ง อากาศจะเข้าแทรกระหว่างเนื้อแป้งทำให้แป้งฟูและก็ค่อยขึ้นไปอีก
2. เทน้ำมันพืชใส่หม้อ นำขึ้นตั้งไฟจนน้ำมันร้อน เสร็จแล้วปิดเตา (หรือนำน้ำมันพืชเข้าไมโครเวฟประมาณ 30 วินาที) ใส่แป้งเค้กลงไป ขั้นตอนนี้ทำให้ขนมเค้กมีความอ่อนนุ่มและก็ค่อยโดยที่ไม่ต้องพึ่งสารเสริมอะไรก็ตามไขมันจะฉาบแป้งไว้ ไม่ให้แป้งสัมผัสกับน้ำ ด้วยเหตุว่าในขณะที่แป้งสัมผัสกับน้ำหรือของเหลวจะมีผลให้กำเนิดกลูเตน กลูเตนจะมีความเหนียว ถ้าตะล่อมแป้งกับน้ำนานๆก็เลยเป็นต้นเหตุที่ทำให้ขนมเค้กเหนียวได้ ใช้ไม้พายคนให้คลายร้อนลงบ้าง
3. ใส่นมข้นจืด เพื่อเพิ่มความหอมนุ่มแล้วก็รสที่กลมกล่อมละมุนละไมมากขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นคนหรือตะล่อมให้เหมาะ ใส่ไข่แดงลงไป เพิ่มความหอมด้วยกลิ่นวานิลลา ตะล่อมให้เหมาะรวมทั้งพักไว้
4. ทำส่วนประกอบไข่ขาวโดยตีไข่ขาวจนกระทั่งเป็นฟองหยาบ ต่อจากนั้นใส่ครีมออฟทาร์ทาร์ (ครีมออฟทาร์ทาร์จะช่วยปรับไข่ตีขึ้นฟูง่าย รวมทั้งทำให้ฟองอากาศที่ตีอัดเข้าไปมีความอยู่ตัวเยอะขึ้นเรื่อยๆ ไม่ยุบง่าย) ตีพอเพียงถูกกัน ใส่แป้งข้าวโพด (เพื่อเพิ่มความนิ่มรวมทั้งยืดหยุ่นให้กับขนมเค้ก) ตีพอเพียงเหมาะ
5. ทยอยใส่น้ำตาลลงไป (น้ำตาลแบ่งใส่สัก 3 รอบ ถ้าเกิดใส่ไปทีเดียวฟองอากาศบางทีก็อาจจะยุบได้ รวมทั้งน้ำตาลก็จะละลายช้าด้วย) ตีกระทั่งตั้งยอด ตักเมอแรงค์หรือไข่ขาวมาบางส่วนใส่ถ้วยชามส่วนประกอบไข่แดง (ถ้าเกิดใส่ไปทีเดียวหมดจะผสมถูกกันยากกว่า แล้วก็ทำให้เสียฟองอากาศเยอะ เป็นต้นเหตุที่ทำให้ขนมเค้กไม่ขึ้นฟู) ตะล่อมค่อยกระทั่งเหมาะ เพียงพอเหมาะแล้วหลังจากนั้นก็ใส่ที่เหลือลงไปตะล่อมจนถึงเนียนเหมาะ
6. เทใส่พิมพ์ที่จัดเตรียมไว้ (พิมพ์รองด้วยกระดาษลอกลาย ก่อนเอากระดาษลอกลายรองอย่าลืมทาไขมันหรือเนยบนถาดด้วย) เคาะพิมพ์เพื่อไล่ฟองอากาศสัก 1-2 ครั้ง ถ้าเกิดยังมีฟองอยู่ก็เอาไม้จิ้มฟันเจาะฟองออก ขนมเค้กอบมาหน้าจะได้งามๆไม่มีรูพรุน
7. นำเข้าเตาอบที่อุณหภูมิ 150-160 องศาเซลเซียส บนถาดน้ำร้อน อบเป็นเวลา 35-40 นาที แล้วแต่เตาแต่ละบ้านด้วย บางเตาบางครั้งก็อาจจะอบนานถึง 50 นาทีเลยก็ได้ (การอบบนถาดน้ำร้อนจะมีผลให้ขนมเค้กมีความชื้นขึ้น) เปิดไฟบน-ด้านล่าง ปิดพัดลม จากนั้นอบไล่ความชุ่มชื้นเอาถาดรองน้ำร้อนออก อบต่อด้วยอุณหภูมิ 150-160 องศาเซลเซียส ตรงเวลา 8-10 นาที เปิดไฟบน-ด้านล่าง ปิดพัดลม (เช็กความสุกโดยการเอาไม้ปลายแหลมจิ้มลงไป ถ้าเกิดไม่มีเศษขนมเค้กแฉะๆติดออกมา หมายความว่าขนมเค้กสุกก็ดีจ้ะ) ถ้าหากไม่สะดวกรองด้วยถาดน้ำก็สามารถอบแบบปกติที่อุณหภูมิ 150-160 องศาเซลเซียส เป็นเวลา 30-35 นาที
8. พออบเสร็จพักให้อุ่นลงโดยประมาณ 10 นาที และหลังจากนั้นก็ค่อยเอาขนมเค้กออกมาจากพิมพ์ ลอกกระดาษลอกลายออก กลับขนมเค้กอีกด้านขึ้นมา และก็ตัดขนาดตามพอใจ

แหล่งที่มา cooking.kapook

Thursday, November 28, 2019

ต้มข่าไก่


ต้มข่าไก่ ตามร้านค้าข้าวแกงน้ำซุปสีขาวมองจืดชืดๆไปหน่อย ถ้าหากต้องการทำเองขอเสนอแนะ สูตรจาก คุณ Rins CookBook สูตรนี้เพิ่มสีสันด้วยน้ำมันน้ำพริกเผา น่ารับประทาน แถมยังใส่เนื้อไก่เน้นย้ำๆ อร่อยแซ่บ
ส่วนประกอบ ต้มข่าไก่

• เนื้ออกไก่หั่นเต๋า 6 ออนซ์ (หรือใช้อาหารทะเลอื่นๆก็ได้ตามถูกใจ)
• น้ำซุปไก่ หรือน้ำดื่ม 1 ถ้วย + 1/2 ถ้วย
• ข่าหั่นเป็นแว่น 3-4 แว่น
• ตะไคร้ซอกซอยบางๆ1 ต้น
• ใบมะกรูด 2 ใบ
• น้ำปลา 1/3 ถ้วย
• น้ำตาล 3 ช้อนโต๊ะ + 1/2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำกะทิ 1 ถ้วย + 1/2 ถ้วย
• เห็ด (ตามถูกใจ) 1/2 ถ้วย
• น้ำมะนาว (หรือน้ำเลมอน) 1/3 ถ้วย
• น้ำมันน้ำพริกเผา 1-2 ช้อนโต๊ะ
• พริกขี้หนูสด ราวๆ 4 เม็ด
• ต้นหอม 1 ต้น
• ผักชี 1/2 ถ้วย

วิธีการจัดเตรียม

• 1. ซอกซอยตะไคร้รวมทั้งข่าให้เป็นชิ้นเล็กๆ
• 2. นำเห็ดตามถูกใจไปล้างให้สะอาด ตัดโคนทิ้งไป จัดแจงไว้
• 3. ตัดครึ่งใบมะกรูด ตระเตรียมไว้
• 4. นำผักชีมาตัดแยกก้านรวมทั้งใบออก แล้วหั่นก้านผักชีเป็นท่อนๆและก็ซอกซอยใบผักชีจัดเตรียมไว้สำหรับโรยหน้า
• 5. ซอกซอยต้นหอมจัดแจงไว้สำหรับโรยหน้า
• 6. ใช้มีดตีพริกขี้หนูสดเพียงพอแตกแล้วผ่าครึ่ง จัดเตรียมไว้

วิธีการทำต้มข่าไก่

• 1. ใส่น้ำซุปไก่ (หรือน้ำดื่ม) ลงในหม้อ และก็ตามด้วยข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด รวมทั้งก้านผักชีที่ซอกซอยจัดเตรียมไว้ลงไป นำขึ้นตั้งไฟปานกลาง ต้มนานโดยประมาณ 5-6 นาทีจนกระทั่งน้ำเดือดรวมทั้งหอม
• 2. ใส่เนื้ออกไก่ลงไป แต่งรสด้วยน้ำปลาแล้วก็น้ำตาล (จะยังไม่ใส่น้ำกะทิลงไปในขั้นตอนนี้ เนื่องจากว่าถ้าเกิดต้มน้ำกะทินานๆน้ำกะทิจะแตกมันและไม่สวย) ต้มจนถึงเดือด ราว 5-6 นาที
• 3. เมื่อต้มจนถึงไก่สุกขาวแล้ว ใส่น้ำกะทิลงไป ใส่เห็ดที่จัดเตรียมไว้ลงไป คอยกระทั่งเดือดอีกรอบ
• 4. ใส่น้ำมะนาวลงในหม้อหรือถ้วยชาม และก็ตามด้วยพริกที่ตีไว้ น้ำมันน้ำพริกเผา พริกขี้หนูสด ต้นหอมซอกซอย แล้วก็ผักชีซอกซอย แล้วหลังจากนั้นตักส่วนประกอบต้มข่าไก่ลงไป ตกแต่งให้สวยสดงดงาม พร้อมเสิร์ฟฟ

Wednesday, November 27, 2019

หมูสามชั้นทอดน้ำปลา


หมูสามชั้นทอดน้ำปลา แค่พูดชื่อ ท้องก็ร้องหิว สามชั้นทอดน้ำเป็นเมนูยอดฮิตสำหรับคนรัก อาหารไทย สายสตรีฟู้ดอย่างยิ่ง ตอนได้ยินชื่อเมนูครั้งแรก หลายคนอาจจะคิดว่าทำยากเหมือนพวกหมูกรอบใช่มั้ยล่ะ แต่จริงๆ แล้วง่ายมากเว่อร์ เพียงแค่มีหมูสามชั้นหั่นเส้นยาวและเครื่องปรุงนิดหน่อย หม้อสำหรับทอด รับรองร้อนๆ กรอบๆ กินเพลิน อร่อยอ้วนจุกๆ ไม่รู้ตัว

หมูสามชั้นทอดน้ำปลา ยังเป็นเมนูอาหารง่ายๆ ที่แนะนำเลย เตรียมวัตถุดิบอาจจะใช้เวลาหน่อย แต่ขั้นตอนทำอาหารแค่ 15 นาทีโดประมาณ


วัตถุดิบ
  • หมูสามชั้น 500 กรัม
  • น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
  • ไข่ไก่ 1 ฟอง
  • พริกไทยป่น (ตามใจชอบ)
  • ผงปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
  • แป้งชุบทอด 3-4 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
  1. ล้างหมูสามชั้นให้สะอาด นำใส่ภาชนะ จากนั้นใช้ส้อมจิ้มที่หนังหมูให้ทั่ว (จะช่วยให้หนังฟูกรอบ)
  2. ใส่ส่วนผสมที่เตรียมไว้ คือน้ำปลา ไข่ไก่ พริกไทยป่น ผงปรุงรส แป้งชุบทอดลงไป จากนั้นคลุกเคล้าให้เข้ากัน หมักทิ้งไว้สัก 10 นาที
  3. นำกระทะใส่น้ำมัน ตั้งไฟแรงจนน้ำมันร้อน นำหมูสามชั้นลงทอดทีละด้าน จนเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลอ่อนสวยงาม
  4. ตั้งขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน หั่นเป็นชิ้นตักใส่จานเสิร์ฟ รับรองกรอบอร่อยพอดีคำ ได้น้ำจิ้มแจ่วหน่อยบอกเลยว่าเด็ด

Tuesday, November 26, 2019

ปลานิลลุยสวน อาหารไทย เมนูปลา ยำอร่อยๆพร้อมด้วยสมุนไพร


ปลานิลลุยสวน คือ อาหารไทย เมนูปลา เมนูยำ วิธีทำ ปลานิลลุยสวน ง่ายๆ สามารถทำกินเองที่บ้านได้ เมนูปลานิล ทานคู่กับเครื่องสมุนไพร และ น้ำยำรสเด็ด เคล็ดลับการทำปลานิลลุยสวน ทำอย่างไร ปลานิลทำอะไรกินได้บ้าง

อาหารไทย เมนูอาหาร ยอดนิยม สำหรับวันนี้ขอนำเสนอ อาหารพื้นบ้าน จากปลานิล ปลาพระราชทาน สูตรอาหาร เมนูปลานิลทอด ปลานิลลุยสวน เคล็ดลับความอร่อยของเมนูนี้ คือ วัตถุดิบคุณภาพ เทคนิคการเตรียมอาหาร และ วิธีการปรุงรสชาติ ให้อร่อย สูตรปลานิลลุยสวน ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจ ง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูยำ

ส่วนผสมสำหรับทำปลานิลลุยสวน

ปลานิล 1 ตัว
พริกขี้หนูสวน 10 เม็ด นำซอย
น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปัี๊บ 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
ผักชีฝรั่ง 1 ต้นนำซอย
ขิงอ่อน 3 ช้อนโต้ะ นำมาซอยเป็นเส้น
ผักชี 1 ต้น ซอย
ใบสะระแหน่ 4 – 5 ใบ
ตะไคร้ 1 ต้น นำมาซอยเล็กๆ
หอมหัวแดง 2 หัว นำมาซอย
มะนาว 1 ลูก นำมาหั่นเต๋า
ถั่วลิงสงคั่ว 2 ช้อนโต้ะ
น้ำมันพืชสำหรับทอดปลา
น้ำพริกเผา 1 ช้อนชา
แป้งข้าวโพด 3 ช้อนโต้ะ
พริกแห้งทอด
ผักต่างๆที่ทานคู่กับปลาช่อนทอดตามใจชอย เช่น ผัดกาดขาว ผักชีฝรั่ง ต้นหอม ผักชีฝรั่ง

วิธีทำปลานิลลุยสวน


1.เริ่มจากล้างปลาให้สะอาด ขอดเกร็ด จากนั้นนำปลามาแล่ เอาเฉพาะ เนื้อปลานิล
2.นำเนื้อปลามาชุปแป้งข้าวโพด จากนั้นตั้งกระทะน้ำมันให้ร้อน โดยใช้ไฟปานกลาง นำเนื้อปลานิลลงไปทอด ให้เหลืองกรอบ จากนั้นนำมาพักให้สะเด็ดน้ำมัน
3.เตรียมน้ำยำ โดยผสม พริกขี้หนูสวน น้ำมะนาว น้ำพริกเผา น้ำตาลปี๊บ น้ำปลา ผสมให้ส่วนผสมละลายเข้ากัน
4.ใส่ ตะไคร้ซอย เนื้อมะนาวหั่น พริกแห้งทอด ขิงอ่อน ใบสะระแหน่ ผักชีฝรั่ง ผสมคลุกเคล้ากับน้ำยำ
5.เตรียมจาน วางปลานิลทอดลงบนจาน ราดด้วยน้ำยำและเครื่องเคียงที่ทำไว้ก่อนหน้านี้ โรยถั่วลิสงคั่ว เพียงเท่านี้ก็เสร็จ พร้อมรับประทาน

เคล็ดลับการทำปลานิลลุยสวน

  • ปลานิล ให้เลือกปลาตัวปานกลาง ไม่ใหญ่ และ ไม่เล็กเกินไป ขนาดตัวประมาณ 5 ขีด โดยการเลือกซื้อปลานิล ที่สดๆ คือ ให้ดูที่ลักษณะของตัวปลาสมบูรณ์ เหงือกชมพูสด ตาปลาใส เนื้อแน่นตึง ไม่มีกลิ่นเน่า
  • การเตรียมเนื้อปลา ขั้นตอนที่สำคัญ คือ การล้างปลา หากล้างปลาได้สะอาด จะช่วยให้ปลาไม่คาว การล้างปลาให้สะอาด ใ้ดเอาไส้ออก ล้างเลือดและเมือกออกให้หมด ให้ใช้เกลือถูที่ตัวปลาปลา จะทำให้เมือกปลาหาย
  • เทคนิคการทอดปลา โดยไม่ให้ติดกระทะ ให้คลุกเกลือที่ผิวปลา ก่อนนำไปทอด โดยทอดในน้ำมันที่ท่วมตัวปลา
  • น้ำมัน สำหรับการทอดปลา ให้ใช้น้ำมันใหม่ โดยใช้น้ำมันที่ร้อน ระดับไฟปานกลาง จะทำให้เนื้อปลาไม่อมน้ำมัน และกรอบนอกนุ่มใน
  • มะนาว ที่ใช่ในการใส่ในน้ำยำ ให้ใช่มะนาวผิวบาง เวลากินจะง่าย
  • น้ำพริกเผา จะเพิ่มความหอม ให้น้ำยำ หากไม่ชอบสามารถเอาออกได้

Monday, November 25, 2019

โป๊ะแตก รสแซ่บทะเลเดือด

โป๊ะแตก รสแซ่บ ใครต่างก็ชอบ การทำโป๊ะแตกจะคล้ายๆ กับต้มยำ แค่เพิ่มใบกะเพรา และหอมแดง ทำให้โป๊ะแตก
จะมีรสชาติแซ่บและมีกลิ่นฉุนขึ้นจมูกมากกว่าต้มยำ ใส่ของทะเลลงไปเข้ากันสุดๆ


วิธีทำ โป๊ะแตก รสแซ่บทะเลเดือด


ส่วนผสม
  • กุ้ง 3-4 ตัว
  • ปลาหมึก 1 ตัว
  • หอยแมลงภู่ 3-4 ตัว
  • เห็ดฟาง
  • ตะไคร้ 1-2 ต้น
  • หอมแดง 1 หัว
  • ข่าหั่นแว่น
  • ใบมะกรูด
  • ใบกะเพรา
  • น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
  • พริกขี้หนู
  • น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
  1. ตั้งน้ำให้เดือด จากนั้นก็ใส่ ข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด และ หอมแดง ลงไป
  2. ใส่กุ้ง ปลาหมึก และ หอยแมลงภู่ ลงไป ตามด้วยเห็ดฟาง ปล่อยทิ้งไว้จนทุกอย่างสุก
  3. ใส่พริกขี้หนูตำตามชอบ ปรุงรสด้วยน้ำปลา จากนั้นก้ปิดไฟ
  4. เตรียมชามใส่น้ำมะนาวลงไปในชามตามด้วยใบกะเพรา จากนั้นก็เทโป๊ะแตกลงไป คนให้เข้ากัน จากนั้นก็เสิร์ฟทันที

Sunday, November 24, 2019

กุ้งมะนาวเปรี้ยวแซ่บ


กุ้งมะนาว ส่วนผสม

         • กุ้งขาว (แกะเปลือกผ่าหลัง)
         • รากผักชีสับละเอียด 3 ช้อนโต๊ะ
         • กระเทียมสับละเอียด 3 ช้อนโต๊ะ
         • พริกขี้หนูสับละเอียด 2 ช้อนโต๊ะ
         • น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
         • น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
         • น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
         • ก้านคะน้าและแครอต แช่น้ำเย็นจัด

วิธีทำกุ้งมะนาว
           
         1. ลวกกุ้ง โดยตั้งน้ำให้เดือดจัด ใส่กุ้งลงไปลวก พอกุ้งเริ่มเปลี่ยนสี หรือประมาณ 5-10 วินาที ให้รีบตักขึ้นทันที จะสุกพอดีและกุ้งไม่หด (ในน้ำลวกกุ้งใส่ใบโหระพาไปนิดจะหอมมากค่ะ ^^)
         2. ทำน้ำจิ้ม โดยนำน้ำมะนาว น้ำปลา และน้ำตาลทราย คนผสมให้น้ำตาลละลาย จากนั้นชิมรส ถ้าจัดเกินไปจะเติมน้ำซุปจากการลวกกุ้งนิดหน่อยก็ได้ค่ะเมื่อได้ รสที่ชอบ แล้ว ใส่กระเทียมรากผักชี และพริกขี้หนูสับตามลงไป เสิร์ฟคู่กับก้านคะน้า และแครอตแช่เย็น

Saturday, November 23, 2019

ผัดเปรี้ยวหวานหมู


ผัดเปรี้ยวหวานหมู เมนูกับข้าวยอดนิยมอย่างผัดเปรี้ยวหวานกินได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ไปร้านข้าวแกงเจ้าไหนก็มีขาย ใครสนใจ แนะนำเมนู ผัดเปรี้ยวหวานหมู จานนี้ครบทั้งผักและผลไม้ ราดข้าวสวยร้อน ๆ อร่อยฟิน

ส่วนผสม ผัดเปรี้ยวหวานหมู
          • กระเทียมไทยสับ 10 กลีบ
          • เนื้อหมู 200 กรัม (หั่นเป็นชิ้นบาง ๆ)
          • สับปะรด (หั่นชิ้นพอดีคำ) 1 ถ้วย
          • แตงกวา (หั่นชิ้นพอดีคำ) 1 ถ้วย
          • หอมใหญ่ (หั่นเสี้ยว) 1 หัว
          • พริกฝรั่งเหลือง 1/2 ลูก
          • มะเขือเทศ 1 ลูกใหญ่ (หั่น 4 ส่วน)
          • ต้นหอม (หั่นท่อน) 1 ต้น
          • ซอสมะเขือเทศ 1/2 ถ้วย
          • น้ำตาลทราย 1-2 ช้อนโต๊ะ
          • เกลือป่นเล็กน้อย (ปรุงรส) **ถ้าต้องการความหอมให้ใส่น้ำปลาแทนได้
          • น้ำเปล่า 3 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำมันพืช (สำหรับผัด)

วิธีทำผัดเปรี้ยวหวานหมู
          • 1. เจียวกระเทียมสับในน้ำมันพืชจนหอม ใส่เนื้อหมูลงไปผัดจนสุก
          • 2. ใส่สับปะรด แตงกวา หอมใหญ่ พริกฝรั่ง ต้นหอม และมะเขือเทศลงไปผัดจนสุก
          • 3. ปรุงรสด้วยซอสมะเขือเทศ น้ำตาลทราย และเกลือป่น ใส่น้ำเปล่าลงไปเล็กน้อย ผัดให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ พร้อมเสิร์ฟ

Friday, November 22, 2019

น้ำพริกกะปิ


เมนูน้ำพริกกะปิ ต้องกินกับปลาทูและผักสด ปลาทูทอดทำง่าย ๆ แต่น้ำพริกกะปินี่สิทำอย่างไรถึงอร่อยเหมือนร้าน ขอบอกว่า วิธีทำ ไม่ยาก เตรียมครกกับสากให้พร้อมแล้วทำตามสูตรข้างล่าง ง่ายดายจริง ๆ นะ

ส่วนผสม น้ำพริกกะปิ
          • พริกขี้หนูสวน 1 ช้อนโต๊ะ
          • กระเทียม (ปอกเปลือก) 1 ช้อนโต๊ะ
          • หอมแดง (ปอกเปลือก) 1 หัว
          • กะปิ 2 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
          • มะเขือพวง 1 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำต้มสุก 2 ช้อนโต๊ะ
          • พริกขี้หนูสวน (โรยหน้า)
          • ผักสด หรือผักลวก (ตามชอบ)
          • ปลาทูทอด
          • ไข่เจียวชะอม

วิธีทำน้ำพริกกะปิ
          • 1. โขลกพริกขี้หนูสวน กระเทียม และหอมแดงพอหยาบ
          • 2. ใส่กะปิ น้ำตาลปี๊บ และมะเขือพวงลงโขลกให้เข้ากัน
          • 3. ปรุงรสด้วยน้ำปลา และน้ำมะนาว เติมน้ำต้มสุกคนผสมให้เข้ากัน ชิมรส
          • 4. ตักใส่ถ้วย รับประทานคู่กับผักสด ผักลวก ปลาทูทอด และไข่เจียวชะอม

Monday, November 18, 2019

ต้มข่าไก่



ต้มข่าไก่ ตามร้านค้าข้าวแกงน้ำซุปสีขาวมองจืดชืดๆไปหน่อย หากต้องการทำเองขอชี้แนะ สูตรจาก คุณ Rins CookBook สูตรนี้เพิ่มสีสันด้วยน้ำมันน้ำพริกเผา แถมยังใส่เนื้อไก่เน้นย้ำๆ อร่อยแซ่บ

ส่วนประกอบ ต้มข่าไก่

• เนื้ออกไก่หั่นเต๋า 6 ออนซ์ (หรือใช้อาหารทะเลอื่นๆก็ได้ตามถูกใจ)
• น้ำซุปไก่ หรือน้ำ 1 ถ้วย + 1/2 ถ้วย
• ข่าหั่นเป็นแว่น 3-4 แว่น
• ตะไคร้ซอกซอยบางๆ1 ต้น
• ใบมะกรูด 2 ใบ
• น้ำปลา 1/3 ถ้วย
• น้ำตาล 3 ช้อนโต๊ะ + 1/2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำกะทิ 1 ถ้วย + 1/2 ถ้วย
• เห็ด (ตามถูกใจ) 1/2 ถ้วย
• น้ำมะนาว (หรือน้ำเลมอน) 1/3 ถ้วย
• น้ำมันน้ำพริกเผา 1-2 ช้อนโต๊ะ
• พริกขี้หนูสด โดยประมาณ 4 เม็ด
• ต้นหอม 1 ต้น
• ผักชี 1/2 ถ้วย

วิธีการจัดเตรียม

• 1. ซอกซอยตะไคร้รวมทั้งข่าให้เป็นชิ้นเล็กๆ
• 2. นำเห็ดตามถูกใจไปล้างให้สะอาด ตัดโคนทิ้งไป ตระเตรียมไว้
• 3. ตัดครึ่งใบมะกรูด ตระเตรียมไว้
• 4. นำผักชีมาตัดแยกก้านและก็ใบออก แล้วต่อจากนั้นหั่นก้านผักชีเป็นท่อนๆแล้วก็ตรอกใบผักชีจัดเตรียมไว้สำหรับโรยหน้า
• 5. ซอกซอยต้นหอมตระเตรียมไว้สำหรับโรยหน้า
• 6. ใช้มีดตีพริกขี้หนูสดเพียงพอแตกแล้วผ่าครึ่ง ตระเตรียมไว้

วิธีการทำต้มข่าไก่

• 1. ใส่น้ำซุปไก่ (หรือน้ำ) ลงในหม้อ และก็ตามด้วยข่า ตะไคร้ ใบมะกรูด และก็ก้านผักชีที่ซอกซอยจัดแจงไว้ลงไป นำขึ้นตั้งไฟปานกลาง ต้มนานโดยประมาณ 5-6 นาทีจนถึงน้ำเดือดและก็หอม
• 2. ใส่เนื้ออกไก่ลงไป แต่งรสด้วยน้ำปลาและก็น้ำตาล (จะยังไม่ใส่น้ำกะทิลงไปในขั้นตอนนี้ เนื่องจากว่าถ้าเกิดต้มน้ำกะทินานๆน้ำกะทิจะแตกมันและไม่งดงาม) ต้มจนถึงเดือด โดยประมาณ 5-6 นาที
• 3. เมื่อต้มจนถึงไก่สุกขาวแล้ว ใส่น้ำกะทิลงไป ใส่เห็ดที่จัดเตรียมไว้ลงไป รอคอยกระทั่งเดือดอีกรอบ
• 4. ใส่น้ำมะนาวลงในหม้อหรือถ้วยชาม และก็ตามด้วยพริกที่ตีไว้ น้ำมันน้ำพริกเผา พริกขี้หนูสด ต้นหอมตรอก รวมทั้งผักชีซอกซอย แล้วตักส่วนประกอบต้มข่าไก่ลงไป ตกแต่งให้งดงาม พร้อมเสิร์ฟ

Sunday, November 17, 2019

แกงจืดเต้าหู้หมูสับ




แกงจืดเต้าหู้หมูสับ สำหรับเด็กหอที่อุปกรณ์ไม่พร้อม แต่อยากทำเมนูแกงจืดเต้าหู้หมูสับรสชาติ อร่อย เหมือนกินร้าน ขอบอกว่าแค่มีไมโครเวฟก็เอาอยู่ค่ะ ไปซื้อเต้าหู้หลอดกับหมูสับกันเลย

ส่วนผสม แกงจืดเต้าหู้หมูสับ
          • น้ำเปล่า 2 ถ้วย
          • ซุปหมูก้อน 1 ก้อน
          • หมูสับปรุงรส 100 กรัม
          • แครอต (หั่นแว่น) 100 กรัม
          • เต้าหู้ไข่ 1 หลอด
          • ผักกาดขาว (หั่นเป็นชิ้น) 200 กรัม
          • ขึ้นฉ่าย (หั่นเป็นท่อน) 1 ต้น
          • ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
          • กระเทียม (สับละเอียด) 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ แกงจืดเต้าหู้หมูสับ
          • 1. ใส่น้ำเปล่าและซุปหมูก้อนลงในชามกระเบื้องคนผสมจนละลายเข้ากัน นำเข้าเตาไมโครเวฟใช้ไฟแรงอุ่นจนน้ำซุปเดือด ประมาณ 2-3 นาที นำออกมา
          • 2. ใส่หมูสับและแครอตลงในชาม นำกลับเข้าเตาไมโครเวฟใช้ไฟปานกลางประมาณ 3 นาที หรือจนหมูสุก นำออกมา
          • 3. ใส่เต้าหู้ไข่ ผักกาดขาว และขึ้นฉ่ายลงในชาม ปรุงรสด้วยซีอิ๊วขาวคนผสมให้เข้ากัน นำกลับเข้าเตาไมโครเวฟ ใช้ไฟปานกลาง อุ่นจนเต้าหู้และผักสุกนิ่ม ตักใส่ชาม เตรียมไว้
          • 4. ใส่น้ำมันพืชลงในถ้วยกระเบื้อง นำเข้าเตาไมโครเวฟใช้ไฟแรงรอจนน้ำมันเดือดประมาณ 1 นาที นำออกจากเตา ใส่กระเทียมลงเจียวในขณะที่น้ำมันร้อน ๆ รอจนหอมและกรอบ ตักขึ้นโรยบนแกงจืด พร้อมเสิร์ฟ

Friday, November 15, 2019

น้ำพริกกะปิ


น้ำพริกกะปิ เมนูน้ำพริกกะปิต้องกินกับปลาทูและผักสด ปลาทูทอดทำง่าย ๆ แต่น้ำพริกกะปินี่สิทำอย่างไรถึง อร่อย เหมือนร้าน ขอบอกว่าวิธีทำไม่ยาก เตรียมครกกับสากให้พร้อมแล้วทำตามสูตรข้างล่าง ง่ายดายจริง ๆ นะ

ส่วนผสม น้ำพริกกะปิ
          • พริกขี้หนูสวน 1 ช้อนโต๊ะ
          • กระเทียม (ปอกเปลือก) 1 ช้อนโต๊ะ
          • หอมแดง (ปอกเปลือก) 1 หัว
          • กะปิ 2 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
          • มะเขือพวง 1 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำต้มสุก 2 ช้อนโต๊ะ
          • พริกขี้หนูสวน (โรยหน้า)
          • ผักสด หรือผักลวก (ตามชอบ)
          • ปลาทูทอด
          • ไข่เจียวชะอม

วิธีทำน้ำพริกกะปิ
          • 1. โขลกพริกขี้หนูสวน กระเทียม และหอมแดงพอหยาบ
          • 2. ใส่กะปิ น้ำตาลปี๊บ และมะเขือพวงลงโขลกให้เข้ากัน
          • 3. ปรุงรสด้วยน้ำปลา และน้ำมะนาว เติมน้ำต้มสุกคนผสมให้เข้ากัน ชิมรส
          • 4. ตักใส่ถ้วย รับประทานคู่กับผักสด ผักลวก ปลาทูทอด และไข่เจียวชะอม

Thursday, November 14, 2019

ผัดพริกแกงปลาดุก


ผัดพริกแกงปลาดุก เป็นเหมือนกันไหม ? สั่งผัดพริกแกงปลาดุกราดข้าว กัดไปเจอปลาดุกเนื้อเหนียว รมณ์บ่จอยกันทีเดียว มาเข้าครัวทำเองดีกว่า สูตร จากคุณแม่ปันปราย สูตรนี้ปลาดุกกรอบนานหอมอร่อยจากพริกแกงและเครื่องสมุนไพร โรยใบกะเพรากรอบเยอะ ๆ อิ่มแปล้ก็คราวนี้

ส่วนผสม ผัดพริกแกงปลาดุก
          • ปลาดุกหั่นชิ้น 500 กรัม (ซื้อแบบที่หั่นเป็นชิ้นเรียบร้อยแล้ว)
          • ใบกะเพรา 3 กำ (เด็ดแล้วล้างแล้วทิ้งไว้ให้สะเด็ดน้ำสักพัก)
          • พริกแกงเผ็ด 100 กรัม
          • น้ำมันพืช 1 ทัพพี
          • น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
          • กระชายซอย 300 กรัม
          • พริกชี้ฟ้าแดงและเขียว ประมาณ 4-5 เม็ด (หั่นแฉลบ)
          • พริกไทยอ่อน 3-4 ชิ้น
          • ใบมะกรูด 7-8 ใบ

วิธีทำผัดพริกแกงปลาดุก
          • 1. ทอดปลาดุกให้กรอบฟูด้วยไฟแรงแล้วค่อยปรับเป็นไฟกลาง พักไว้ก่อน
          • 2. นำใบกะเพราไปทอดด้วยไฟปานกลางจนกรอบ (แบ่งบางส่วนไว้สำหรับผัดพร้อมกับปลาดุกด้วยนะคะ)
          • 3. ผัดพริกแกงกับน้ำมันพืชใช้ไฟปานกลาง รอให้น้ำมันมีสีแดงสวยงาม ลดไฟเป็นไฟอ่อนแล้วเติมน้ำปลา น้ำมันหอย น้ำตาลปี๊บ คนให้เข้ากัน ชิมรสดู (ให้รสชาติออกเค็มหวาน) เมื่อปรุงรสได้ที่แล้วใส่กระชาย พริกชี้ฟ้า และพริกไทยอ่อน ผัดให้เข้ากัน
          • 4. จากนั้นใส่ปลาดุกทอดและใบกะเพราที่แบ่งไว้ และใบมะกรูดลงไปผัดให้เข้ากัน
          • 5. ตักใส่จาน โรยกะเพรากรอบก่อนเสิร์ฟ

Wednesday, November 13, 2019

ไข่ลูกเขย


ไข่ลูกเขยใครชอบสั่งเมนูไข่ลูกเขยบ้างคะ  ถ้าหากยังติดใจอยู่กลับมาทำกินตอนเย็นก็ไม่ว่ากัน สูตร จาก คุณ YokDekCSs สมาชิกเว็บไซต์พันทิปดอทคอม เอาไข่ต้มมาทอดจนสวย ราดน้ำซอสรสเปรี้ยวหวาน โรยหอมเจียวเยอะ ๆ ใช้เวลาแป๊บเดียวก็ได้กินแล้ว

ส่วนผสม ไข่ลูกเขย
          • ไข่ไก่
          • กระเทียม (ซอยแผ่นบาง)
          • หอมแดง (ซอยแผ่นบาง)
          • พริกแห้ง (หั่นชิ้น)
          • น้ำตาลมะพร้าว
          • น้ำมะขามเปียก
          • เกลือ

วิธีทำไข่ลูกเขย
          • 1. ต้มน้ำเปล่าให้เดือด โรยเกลือลงไปเล็กน้อย จากนั้นนำไข่ไก่ลงไปต้มจนสุก ตักขึ้นแช่ในน้ำเปล่าให้หายร้อน ปอกเปลือกไข่ต้มออกจนหมด
          • 2. แบ่งไข่เป็นสองซีกด้วยการดึงด้ายสีขาวให้ตึงแล้วดันไข่ต้มผ่านเส้นด้าย
          • 3. ตั้งกระทะให้ร้อนใส่น้ำมันพืชลงไป นำไข่ต้มลงไปทอดจนสีสวย ตักขึ้นพักไว้ เพื่อให้สะเด็ดน้ำมัน จัดใส่จาน
          • 4. ซอยกระเทียมเป็นแผ่นบาง ๆ นำลงไปเจียวในน้ำมันให้เหลือง ตักใส่ภาชนะ พักไว้
          • 5. ซอยหอมแดงเป็นแผ่นบาง ๆ นำไปเจียวกับน้ำมันให้เหลือง ตักใส่ภาชนะ พักไว้
          • 6. หั่นพริกแห้งเป็นชิ้นเล็ก ๆ นำไปทอดในน้ำมันจนหอม
          • 7. ทำน้ำราดโดยตั้งกระทะใส่น้ำตาลลงไปเคี่ยวให้ร้อน ใส่น้ำมะขามเปียกและเกลือลงไป เพื่อปรุงให้หวานและเปรี้ยวนำ เค็มตาม
          • 8. แบ่งกระเทียมและหอมแดงที่เจียวไว้ใส่ลงไปคลุกเคล้าให้เข้ากัน เสร็จแล้วราดลงบนไข่ที่เตรียมไว้ โรยหน้าด้วยกระเทียมเจียว หอมแดงเจียว และพริกแห้งทอดที่เหลือ พร้อมเสิร์ฟ

Tuesday, November 12, 2019

แหนมผัดไข่


แหนมผัดไข่ เชื่อว่าหนึ่งในเมนูกับข้าวยอดนิยมของเพื่อนๆ ต้องมี เมนู แหนมผัดไข่แน่นอน ใครอยากทำเองไปซื้อแหนมกับไข่รอเลยค่ะ ทำง่าย ๆ แค่เอาทุกอย่างลงไปผัดให้เข้ากัน ถ้าชอบแหนมเป็นชิ้นก็ไม่ต้องยีละเอียดมากนะคะ

ส่วนผสม แหนมผัดไข่
          • กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
          • แหนม
          • พริกขี้หนูซอย (ตามชอบ)
          • ไข่ไก่ 2 ฟอง
          • น้ำตาลทราย 1/2 ช้อนโต๊ะ
          • ซีอิ๊วขาว 1/2 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำปลา 1/2 ช้อนโต๊ะ
          • ผักชีซอย

วิธีทำแหนมผัดไข่
          • 1. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ พอน้ำมันร้อนใส่กระเทียมลงไปเจียวพอหอม
          • 2. ใส่แหนมลงไปยีสักครู่ ตามด้วยพริกซอย ตอกไข่ใส่ลงไป ตีไข่พอแตก ผัดคลุกเคล้าให้เข้ากัน
          • 3. ปรุงรสด้วยน้ำตาลทราย ซีอิ๊วขาว และน้ำปลา คลุกเคล้าให้เข้ากันอีกรอบ ตักใส่จาน โรยผักชี

Sunday, November 10, 2019

คั่วกลิ้งหมู


คั่วกลิ้งหมู วันนี้ตั้งใจไปกิน เมนู คั่วกลิ้งหมูแต่พอไปถึงก็หมดแล้ว เอาอย่างนี้กลับมาบ้านทำกินเองง่ายกว่า ชอบหมูสับติดมันหรือไม่เอามันก็จัดไป ผัดกับน้ำพริกคั่วกลิ้งและกะปิ ปรุงรสเค็มหวานตามชอบ อ้อ… ที่ขาดไม่ได้เลยคือ ผักสด

ส่วนผสม คั่วกลิ้งหมู
          • หมูเนื้อแดงสับ 200 กรัม
          • น้ำพริกคั่วกลิ้ง 2 ช้อนโต๊ะ (เพิ่ม-ลดได้ตามความเผ็ดที่ชอบ)
          • กะปิอย่างดี 1/2 ช้อนชา (ควรชิมรสชาติของน้ำพริกแกงก่อนใส่กะปิ เพราะน้ำพริกแกงแต่ละร้านมีความเค็มไม่เท่ากัน)
          • น้ำตาลปี๊บ 1/2 ช้อนชา
          • น้ำปลา (ปรุงรส) 1 ช้อนชา
          • น้ำมันพืช (สำหรับผัด)
          • ใบมะกรูดซอย 6 ใบ
          • พริกไทยอ่อน 1 ช่อ
วิธีทำคั่วกลิ้งหมู
          • 1. โขลกน้ำพริกคั่วกลิ้งกับกะปิให้พอเข้ากัน เตรียมไว้
          • 2. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ พอร้อนใส่เนื้อหมูสับลงไปผัดจนเกือบสุก
          • 3. จากนั้นใส่น้ำพริกคั่วกลิ้งลงไปผัดกับหมูสับให้เข้ากัน ปรุงรสด้วยน้ำตาลปี๊บและน้ำปลา ผัดให้เข้ากัน ชิม                  รสตามชอบ
          • 4. ปิดไฟแล้วใส่พริกไทยอ่อนและใบมะกรูดซอยลงไปผัดให้เข้ากัน ตักใส่จาน เสิร์ฟพร้อมกับผักสดตามชอบ

Saturday, November 9, 2019

ผัดหอยลาย


ผัดหอยลาย อีกหนึ่ง เมนู กับข้าวยอดนิยมที่ขายในร้านข้าวแกง วันหยุดแบบนี้อยากกินแบบจุใจก็อย่ารอช้า สูตรนี้เอาหอยลายไปลวกก่อนแล้วค่อยเอาไปผัดกับน้ำพริกเผา เพิ่มความเค็มและหอมจากเต้าเจี้ยว สุดท้ายใส่ใบโหระพาลงไป กินกับข้าวต้มหรือข้าวสวยก็อร่อยค่ะ

ส่วนผสม ผัดหอยลาย
          • หอยลาย (ล้างสะอาด) 500 กรัม
          • น้ำเปล่า (สำหรับลวกหอยลาย)
          • น้ำมันพืช (สำหรับผัด)
          • พริกขี้หนู (โขลกละเอียด) ตามชอบ
          • กระเทียม (โขลกละเอียด)
          • เต้าเจี้ยว 2 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำพริกเผา 1 ช้อนโต๊ะ
          • น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
          • ใบโหระพา (เด็ดเป็นใบ 1 ถ้วย)

วิธีทำผัดหอยลาย
          • 1. ใส่น้ำเปล่าลงในหม้อ นำขึ้นตั้งไฟจนน้ำเดือด ใส่หอยลายลงลวกพอสุก ตักขึ้นสะเด็ดน้ำ เตรียมไว้
          • 2. ใส่น้ำมันพืชลงในกระทะ นำขึ้นตั้งไฟพอร้อน ใส่พริกกับกระเทียมโขลกลงไปผัดพอหอม ใส่เต้าเจี้ยวลงผัด ตามด้วยน้ำพริกเผาและน้ำตาลทราย ผัดให้เข้ากัน ชิมรสตามชอบ
          • 3. ใส่หอยลายที่ลวกเตรียมไว้ลงผัดสักครู่ จากนั้นใส่ใบโหระพาลงผัดพอเข้ากัน ปิดไฟ ตักใส่จาน พร้อมเสิร์ฟ

คานาเป้บาแก็ต



คานาเป้บาแก็ต หรือที่คุ้ยเคยกันในชื่อ ขนมปัง ฝรั่งเศสนั้น อาจเป็นขนมปังที่คลีนสุด ๆ เลยก็ว่าได้ เพราะส่วนผสมมีเพียงแป้งสาลี ยีสต์ น้ำและเกลือ ไม่ใช้เนยเหมือนขนมปังชนิดอื่น ๆ จึงทำให้ขนมปังแท่งยาวชนิดนี้มีผิวด้านนอกค่อนข้างแข็งส่วนด้านในจะเหนียวนุ่ม ถ้าหากนำหั่นเป็นแผ่นบาง ๆ ให้ทานง่าย และโปะหน้าด้วยไข่คนนุ่ม ๆ หรือเนื้อสัตว์ไม่ติดมันพร้อมกับผักต่าง ๆ ก็เป็นอีกเมนูที่เหมาะกับรักสุขภาพได้เหมือนกัน

Friday, November 8, 2019

บะหมี่จาจังมยอน

บะหมี่ผัดเกาหลี ผัดกับซอสถั่วดำ และปรุงรสด้วยสาเก และเครื่องปรุงอื่นๆ จนรสชาติดี แต่รับรองว่าอร่อยสุดๆ


Wednesday, November 6, 2019

สูตร ขนมข้าวโพด ขนมไทยโบราณหาทานยากแต่ทำไม่ยาก

ขนมไทยโบราณ ขนมข้าวโพด เป็นขนมที่หากินยาก และคนรุ่นหลังจะไม่ค่อยได้เห็น แต่ถึงเป็นขนมที่หายากแต่ทำไม่ยากอย่างที่คิด วัตถุก็เป็นวัตถุดิบที่ทำขนมไทยทั่วไปอย่างแป้งข้าวเหนียว แป้งมัน และแป้งข้าวเจ้า และส่วนผสมอื่นๆ ที่มีก้นครัว หากหากินยากนักก็ทำมันเองซะเลย
สูตร ขนมข้าวโพด ขนมไทยโบราณหาทานยากแต่ทำไม่ยาก


ส่วนผสม
  • แป้งข้าวเจ้า 1/2 ถ้วย
  • แป้งมัน 3 ช้อนโต๊ะ
  • แป้งข้าวเหนียว 1/2 ถ้วย
  • เกลือ 1 ช้อนชา
  • น้ำตาลทราย 150 กรัม
  • กะทิ 1/4 ถ้วย
  • ข้าวโพดดิบ 1 ถ้วย
  • มะพร้าวทึนทึก ตามชอบค่ะ
วิธีทำ ขนมข้าวโพด

Monday, October 14, 2019

ขนมหวานน่าทาน สาคูนมสด





ขนมหวานน่าทาน สาคูนมสด



เคยสงสัยกันไหมคะว่าเมื่อใดที่เรารู้สึกเครียด เบื่อหน่าย ไม่มีความสุข สิ่งแรกที่จะทำให้ภาวะต่างๆหายไปคือการได้รับความหวานจากของหวานที่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ ไม่ว่าจะเป็นขนม เครื่องดื่ม หรือของหวานชนิดใดก็ตาม จากที่ไม่แฮปปี้ก็กลายเป็นแฮปปี้สุดๆได้ในทันทีทันใด และนี่คือเหตุผลว่าทำไมผู้หญิงกับความหวานถึงขาดกันไม่ได้
ความหวานที่มาพร้อมประโยชน์มากมาย


นอกจากความหวานจะทำให้เรามีความสุขแล้ว น้ำตาลยังมีบทบาทสำคัญที่ช่วยให้ระบบต่างๆในร่างกายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการหายใจ การไหลเวียนโลหิต การย่อยอาหาร การขับถ่ายของเสีย นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของเซลล์ เนื้อเยื่อ และอวัยวะต่างๆภายในร่างกาย และทราบกันหรือไม่ว่า 70 เปอร์เซ็นต์ในการเคลื่อนไหวของเราต้องใช้พลังงานจากน้ำตาล ฉะนั้นจึงไม่มีวันไหนเลยที่ร่างกายของเราจะไม่ต้องการความหวาน

ส่วนผสม

1. สาคูเม็ดเล็ก ½ ถ้วยตวง
2. น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง
3. น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
4. แคนตาลูป ½ ผล

วิธีทำ

1. ตั้งน้ำจนเดือดด้วยไฟแรง ใส่สาคูลงไป คนเร็วๆ ให้สาคูกระจายตัว คนไปเรื่อยๆ เม็ดสาคูจะ ค่อยๆ พอง

2. ถ้าเห็นว่าน้ำแห้ง อาจจะเติมลงไปทีละนิด คนเรื่อยๆ จนเม็ดสาคูพอง จุดขาวๆ ในเม็ดสาคูจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่อย่าต้มนานไปจนจุดขาวหายไปหมด เพราะเวลาเย็นแล้วสาคูจะเละเกินไป หรือถ้ามี จุดขาวเหลือมากเกินไป ก็จะเป็นไตแข็งๆ ด้านใน

3. จากนั้นเติมน้ำตาลทราย คนต่อจนน้ำตาลทรายละลายหมด ให้มีน้ำปริ่มสาคูนิดหน่อย อย่าให้แห้ง เกินไป ปิดเตาพักไว้ให้สาคูเย็น

4. เมื่อสาคูเย็นดีแล้ว เติมนมสดลงไป ชิมดูถ้าชอบหวานอาจจะทำน้ำเชื่อมใส่เพิ่มไปได้

5. คว้านแคนตาลูปให้เป็นลูกกลมๆ หรือจะหั่น เป็นชิ้นก็ได้ ใส่ในสาคูนมสด หรือจะเปลี่ยนเป็นผลไม้อย่างอื่น เช่น เนื้อมะพร้าว แอปเปิ้ล




กล้วยปิ้งราดน้ำกะทิ ขนมหวานฟินๆ ที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี

กล้วยปิ้งหรือเราเรียกว่ากล้วยทับ ขนมหวานฟินๆ ที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ความหอมของกล้วยที่ถูกปิ้งด้วยเตาถ่านว่าหอมแล้ว และยิ่งราดด้วยน้ำเชื่อมที่ทำจากน้ำตาลปี๊บและกะทิ ยิ่งหอมหวนชวนรับประทาน แบบนี้ต้องแนะนำสูตรและวิธีทำกันหน่อยแล้ว



กล้วยน้ำว้า เป็นกล้วยพันธุ์หนึ่ง พัฒนามาจากลูกผสมระหว่างกล้วยป่ากับกล้วยตานี บริโภคกันอย่างแพร่หลาย ปลูกง่าย รสชาติดี สำหรับกล้วยน้ำว้าแบ่งออกเป็น 3 ชนิด ตามสีของเนื้อ คือ น้ำว้าแดง น้ำว้าขาว และน้ำว้าเหลือง คนไทยรับประทานกล้วยน้ำว้าทั้งผลสด ต้ม ปิ้ง และนำมาประกอบอาหาร นอกจากนี้ยังมีกล้วยน้ำว้าดำ ซึ่งเปลือกมีสีครั่งปนดำ แต่เนื้อมีสีขาว รสชาติอร่อยคล้ายกล้วยน้ำว้าขาว สำหรับกล้วยตีบเหมาะที่จะรับประทานผลสด เพราะเมื่อนำไปย่าง หรือต้มจะมีรสฝาด

กล้วยน้ำว้ามีชื่อพื้นเมืองอื่นเช่น กล้วยน้ำว้าเหลือง กล้วยใต้ หรือ กล้วยอ่อง เดิมจัดเป็นชนิด Musa sapientum L.
กล้วยน้ำว้าเมื่อเทียบกับกล้วยหอมและกล้วยไข่ กล้วยน้ำว้าจะให้พลังงานมากที่สุด กล้วยน้ำว้าห่ามและสุกมีธาตุเหล็กในปริมาณสูง ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง ป้องกันโรคโลหิตจาง มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามินซีช่วยบำรุงกระดูก ฟัน และเหงือกให้แข็งแรง ช่วยให้ผิวพรรณดี มีเบต้าแคโรทีน ไนอาซีนและใยอาหาร ช่วยให้ระบบขับถ่ายคล่องขึ้น กินกล้วยน้ำว้าสุก จะช่วยระบายท้องและสามารถรักษาโรคเลือดออกตามไรฟันในเด็กเล็กได้ ช่วยลดอาการเจ็บคอ เจ็บหน้าอกที่มีอาการไอแห้งร่วมด้วย โดยกินวันละ 4-6 ลูก แบ่งกินกี่ครั้ง ก็ได้ กินกล้วยก่อนแปรงฟันทุกวันจะทำให้ไม่มีกลิ่นปาก และผิวพรรณดี เห็นผลได้ใน 1 สัปดาห์ กล้วยน้ำว้าดิบและห่ามมีสารแทนนิน เพคตินมีฤทธิ์ฝาดสมาน รักษา อาการท้องเสียที่ไม่รุนแรงได้ โดยกินครั้งละครึ่งผล หรือ 1 ผล อาการท้องเสียจะทุเลาลง นอกจากนี้จากการศึกษาวิจัยยังพบว่า มีผลในการรักษาโรคกระเพาะได้อีกด้วย

กล้วยน้ำว้าสามารถแปรรูปได้หลากหลาย อย่างกล้วยน้ำว้าสุกสามารถใช้ทำเป็นขนม ของหวานต่างๆ อาทิ กล้วยเชื่อม กล้วยบวชชี มีลักษณะสีเหลืองทั้งเปลือก และเนื้อ มีรสหวาน เหนียวนุ่ม นำมารับประทานเป็นผลไม้ และทำขนมหวาน แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น กล้วยตาก หรือ ข้าวต้มมัด เป็นต้น

ส่วนผสม

1. กล้วยน้ำว้า (ไม่สุกเกิน) 1 หวี
2. น้ำตาลปี๊บ 1 1/2 ถ้วย
3. กะทิ 1 ถ้วย
4. เกลือ 1 หยิบมือ
5. เนยสด 2 ช้อนชา

วิธีทำ

1. หั่นกล้วยเป็นแว่นๆ เสียบไม้ไว้สำหรับปิ้ง

2. เตรียมเตาถ่านสำหรับปิ้ง แนะนำให้ใช้เป็นเตาถ่านจะหอมกว่าใช้วิธีอื่น หรือถ้าเอาสะดวกก็ใช้เตาแก๊สก็ได้ วางตะแกรงปิ้งไว้บนไฟอ่อนๆ แล้วนำกล้วยที่เสียบไม้ไว้ปิ้งเลยค่ะ

3. ทำน้ำราด นำน้ำตาลปี๊บกับน้ำกะทิ 1 ส่วนมาเคี่ยวจนน้ำตาลละลาย แล้วเติมเนยสดลงไปเคี่ยวให้เข้ากันและใส่กะทิส่วนที่เหลือลงไปเคี่ยวต่อ เมื่อเคี่ยวเสร็จแล้วนำลงมาพักไว้ให้เย็น

4. กล้วยเริ่มสุกดีแล้วนำลงมาทับให้แบนด้วยไม้คลึงแป้งหากไม่มีก็อาจจะใช้มีดปังตอทับให้กล้วยแบน จัดใส่จานแล้วราดน้ำกะทิให้ชุ่มหรือตักแยกไว้จิ้มก็ได้ค่ะ



Sunday, October 13, 2019

ขนมต้มใบเตย ขนมหวานโบราณของไทย และขนมแห่งศาสนาพราหมณ์





ขนมต้มใบเตย  ขนมหวานโบราณของไทย และขนมแห่งศาสนาพราหมณ์



ขนมต้ม เป็นขนมที่มีหลักฐานว่ามีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย เข้ามาพร้อมกับศาสนาพราหมณ์และลัทธิความเชื่อเกี่ยวกับเทพเจ้า โดยเชื่อกันว่าพระพิฆเนศโปรดขนมนี้มาก ครั้งหนึ่งเสวยเข้าไปจนเต็มพุง เมื่อขี่หนูกลับวิมาน ระหว่างทางหนูมาเจองู ตกใจจึงหยุดทันที พระพิฆเนศตกจากหลังหนู พุงแตก พระพิฆเนศเสียดายขนมจึงกอบเข้าใส่พุงใหม่แล้วเอาซากงูที่ตีตายแล้วมาพันพุงไว้ แล้วจึงกลับไปวิมาน ต่อมาได้มีบทบาทสำคัญในพิธีบวงสรวงเทวดา ในพิธีกรรมต่างๆ เช่น ยกเสาเอก ตั้งศาลพระภูมิ ในประเพณีสู่ขอแต่โบราณในบางท้องที่ใช้ขนมต้มด้วย ดังมีเพลงพวงมาลัยร้องเล่นว่า

โอ้ละเหยลอยมา                       ลอยมาแล้วก็ลอยไป
พ่อแม่ท่านเลี้ยงมายาก              จะกินขันหมากให้ได้
ไม่ได้กินหนมต้มอมน้ำตาล        น้องไม่รับประทานของใคร
พวงเจ้าเอ๋ยมาลัย                      ถอยหลังกลับไปเถิดเอย

ขนมต้มขาวนั้น ใช้แป้งข้าวเหนียวปั้นเป็นก้อนกลม ใส่ไส้น้ำตาลหม้อ ลงไปต้มให้สุก โรยด้วยมะพร้าวขูด ต่อมาจึงทำหน้ากระฉีก ซึ่งเป็นมะพร้าวขูดมาเคี่ยวกับน้ำตาลหม้อจนเหนียว ใช้เป็นไส้แทน ส่วนขนมต้มแดง ใช้แป้งข้าวเหนียวแผ่เป็นแผ่นแบน ต้มให้สุก ราดด้วยหน้ากระฉีกที่ค่อนข้างเหลว

ขนมที่เรียกว่าขนมต้มของภาคใต้จะต่างไปจากภาคกลาง ขนมต้มของภาคใต้จะเป็นข้าวเหนียวผสมน้ำกะทิห่อใบกะพ้อแล้วเอาไปต้ม บางท้องที่เรียกห่อต้ม ขนมที่ทำแบบนี้ทางภาคกลางเรียกข้าวต้มมัดหรือข้าวต้มผัด



ต้นเตย หรือใบเตยประโยชน์  ได้แก่  ช่วยบำรุงสมอง ประสาท ทำให้สดชื่น และแก้อาการอ่อนเพลีย ช่วยบำรุงหัวใจ และลดความดันโลหิต ช่วยขับปัสสาวะและรักษาโรคเบาหวาน ช่วยรักษาโรคหัด ช่วยบรรเทาอาการปวดจากโรคข้อ ช่วยรักษารังแคบนหนังศีรษะ ย้อมผมดำ ช่วยบำรุงผิวพรรณ

“ขนมต้มใบเตย”

ส่วนผสม 

1.มะพร้าวขูดทึนทึ (ผัดไส้)                                      500        กรัม
2.มะพร้าวขูดทึนทึก(คลุกข้างนอก)                          500        กรัม
3.น้ำตาลมะพร้าว                                                    500        กรัม
4.น้ำใบเตย(สำหรับผัดไส้)
5.เกลือ                                                                  1/2          ช้อนชา
6.แป้งข้าวเหนียว                                                    500         กรัม
7.น้ำกะทิ                                                                 1           ถ้วย (ผสมแป้ง และผัดกับไส้)
8.งาขาวคั่ว                                                              1/2        ช้อนโต๊ะ
9.น้ำใบเตยคั้นสด(ทำแป้งใบเตย)                                1           ถ้วย

วิธีทำ


1.ผัดไส้ก่อนใส่ มะพร้าวขูด น้ำตาลปีบ เกลือ น้ำกะทิ น้ำใบเตย ในกระทะ แล้วกวนไฟอ่อนๆ กวนไปเรื่อยๆ จน        มะพร้าวแห้ง ไม่ติดกระทะ ไส้มะพร้าวสุกดีแล้วก็ ยกลงมาพักไว้ให้เย็น

2.ไส้ขนมต้มเย็นลงแล้ว ก็ปั้นเป็นลูกเล็กๆเตรียมไว้

3.นำแป้งข้าวเหนียวใส่ชาม เติมน้ำใบเตย และกะทิลงไป นวดให้เข้ากัน ให้แป้งนิ่มๆ

4.ตั้งหม้อใส่น้ำ นำไปต้มให้เดือด จากนั้น นำแป้งมาห่อไม้ขนมต้มที่ปั้นไว้ ปั่นเป็นกลมๆ จากนั้นใส่ลงไปในหม้อน้ำเดือด เมื่อขนมต้มสุกแล้ว มันจะลอยขึ้นมาเอง

5.นำขนมต้มที่สุกแล้วมาคลุกกับมะพร้าวขูกที่เตรียมไว้ จัดใส่จานพร้อมเสิร์ความหวานแบบไทยๆ

Saturday, October 12, 2019

มอเตอร์ไซค์ใหม่ Honda ADV 250 อาจเปิดตัวที่งาน Tokyo Motor Show 2019





มอเตอร์ไซค์ใหม่ Honda ADV 250 อาจเปิดตัวที่งาน Tokyo Motor Show 2019



ล่าสุดมีรายงานเกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์ใหม่ กับตระกูล ADV ที่ก่อนหน้านี้เพิ่งเปิดตัวพิกัด 150 ซีซีกันไปแล้วที่อินโดนีเซีย ซึ่งล่าสุดนี้เองมีรายงานว่ารถจักรยานยนต์ใหม่ Honda ADV 250 มีความเป็นไปได้ที่จะเปิดตัวที่งาน Tokyo Motor Show 2019 ในช่วงเดือนตุลาคมปีนี้


โดยสำหรับมอเตอร์ไซค์ใหม่ Honda ADV 250 นั้น คาดว่าจะมาพร้อมกับขุมกำลังพิกัด 250 ซีซี จาก Honda Forza 250 ก่อนที่จะมีพิกัด 300 ซีซี เพิ่มเติมเข้ามาในภายหลัง และค่อนข้างแน่นอนว่ารูปลักษณ์น่าจะไม่หนีกันมากเท่าใด แต่อาจมีเพียงจุดต่างๆ เล็กน้อยที่ถูกทำให้แตกต่างกัน ซึ่งต้องรอติดตามการเปิดตัวอย่างเป็นทางการว่าจะมีขึ้นหรือไม่ในงาน Tokyo Motor Show 2019 ตุลาคมนี้


และสำหรับมอเตอร์ไซค์ใหม่ Honda ADV 150 ที่เปิดตัวไปแล้วที่อินโดนีเซีย กับราคารถเริ่ม 7.4 หมื่นบาท เรียกได้ว่าได้รับกระแสตอบรับดีไม่น้อย โดยเฉพาะในบ้านเราที่ลุ้นให้เข้ามาจำหน่ายในเร็ววัน ด้วยรูปลักษณ์ที่ถอดแบบมาจากรุ่นใหญ่ Honda X ADV ในขนาดตัวรถที่ตอบโจทย์การใช้งานในเมืองมากขึ้น มีความบึกบึนสปอร์ตลงตัว และยังขับขี่ได้ง่ายดาย ซึ่งขุมกำลังเป็นแบบสูบเดี่ยว 149.3 ซีซี ที่รีดกำลังได้สูงสุด 14.5 แรงม้า ที่รอบเครื่องยนต์ 8,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 13.8 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบ/นาที พร้อมระบบ Idling Stop และแน่นอนว่ามากับหัวฉีด PGM-Fi


ขนมโตเกียว ขนมยอดฮิตที่หน้าโรงเรียน




ขนมโตเกียว ขนมยอดฮิตที่หน้าโรงเรียน

 ขนมโตเกียว แท้ที่จริงคือขนมที่มีแต่ในประเทศไทยไม่ได้อยู่ในญี่ปุ่นแต่อย่างใด แต่คงจะหน้าตาคล้ายกับโดะระยะกิเลยตั้งชื่อว่าขนมโตเกียว แต่อย่างไรก็ตามขนมโตเกียวก็เห็นมาตั้งแต่เด็ก ร้านคุณลุงที่อยู่หน้าโรงเรียนที่ขายชิ้นละ 2 – 3 บาท ปัจจุบันก็ยังคงเป็นราคานี้อยู่ มีหลายไส้เช่น ไส้ครีม ไส้ไข่ และไส้ที่ฮิตที่สุดคือไส้รวมมิตรหรือไส้เค็ม วิธีการทำต้องเตรียมเครื่องปรุงหลายอย่าง หากคิดอยากจะฝึกทำเล่นๆ ก็ดูส่วนผสมและวิธีทำกันเลยค่ะ




ส่วนผสม

1. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ถ้วย
2. เกลือ 1/2 ช้อนชา
3. ผงฟู 2 ช้อนชา
4. ไข่ไก่ 1ฟอง
5. น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย
6. นมสด 1 ถ้วย
7. เนยจืดละลาย 1 ช้อนโต๊ะ
8. กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
9. น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
10.กระเทียมกับรากผักชีตำ 2 ช้อนโต๊ะ
11.หมูบด 150 กรัม
12.ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
13.ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
14.พริกไทยป่น 2 ช้อนชา
15.ไข่นกกระทา 1 ฟอง
16.ไส้กรอก


วิธีทำ

1. ผสมแป้งของโตเกียวก่อนโดยร่อนแป้งสาลีอเนกประสงค์ เกลือ และผงฟูรวมกัน ใส่ชามวางพักไว้ก่อน
2. ตีไข่ไก่กับน้ำตาลทรายแล้วผสมนมสด เนยจืดละลาย และกลิ่นวานิลลา คนจนส่วนผสมเข้ากัน
3. เทแป้งที่ร่อนไว้ลงไป ใส่ทีละนิด แล้วก็คนให้เข้ากันแล้ววางพักไว้ 20 นาที
4. ระหว่างรอแป้งให้ทำไส้หมูสับเตรียมไว้ โดยตั้งกระทะผัดหมูสับกับกระเทียมและรากผักชีตำ
5. ปรุงรสด้วยหอยนางรม ซอสปรุงรส พริกไทยป่น ผัดจนหมูสุกแล้วตักใส่ชามแยกไว้
6. ใช้กระทะเทฟล่อนตั้งไทยไฟกลาง ตักแป้งใส่ในกระทะแล้ววนเป็นวงกลม
7. เมื่อแป้งด้านล่างเริ่มสุก ตอกไข่ลงไปแล้วยีไข่ให้แตก ตักหมูสับและวางไส้กรอกลงไป
8. เหยาะซอสปรุงรสและพริกไทย เมื่อไข่เริ่มสุกดีแล้วก็จัดการม้วนขนม วางใส่จานเสิร์ฟ

ขนมบ้าบิ่นเผือก ขนมไทย เชื้อสายโปรตุเกส





ขนมบ้าบิ่นเผือก ขนมไทย เชื้อสายโปรตุเกส

ขนมบ้าบิ่น ขนมไทยอย่างหนึ่ง ทำจากแป้งข้าวเหนียวผสมกับมะพร้าวและนํ้าตาลทรายรวมถึงไข่ไก่ ทำให้สุกด้วยการผิงไฟล่างไฟบน มีลักษณะเป็นชิ้นเล็ก ๆ แบน ๆ เป็นขนมที่มีที่มาจากขนมโปรตุเกสเช่นเดียวกับขนมไทยอีกหลาย ๆ ประเภท แต่ขนมบ้าบิ่นน่าจะถือกำเนิดในยุครัตนโกสินทร์



ที่มาของชื่อ "บ้าบิ่น" มีที่มาด้วยกันสองกระแส บ้างก็ว่ามาจากผู้ที่เป็นเจ้าของตำรับซึ่งเป็นชาวชุมชนกุฎีจีนชื่อ "แม่บิ่น" โดยครั้งแรกใช้ชื่อว่า "ขนมป้าบิ่น" และเรียกเพี้ยนจนกลายเป็นบ้าบิ่นในที่สุด ขณะที่อีกกระแสหนึ่งกล่าวว่า ด้วยความที่ขนมบ้าบิ่นมีที่มาจากขนมโปรตุเกสชื่อ กลชาดาซ เดอ กรูอิงบรา ซึ่งใช้เนยแข็งเป็นวัตถุดิบ แต่เรียกกันติดปากเพียงคำสุดท้าย คือ "บรา" และต่อมาเพิ่มคำว่า "บิ่น" เข้าไป จนกลายมาเป็นขนมบ้าบิ่นในที่สุด โดยแหล่งของขนมบ้าบิ่นที่ขึ้นชื่อ คือ อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ส่วนผสม

1. เผือก                          150      กรัม
2. เนื้อมะพร้าวน้ำหอม        60      กรัม
3. มะพร้าวป่นอบแห้ง            2      ช้อนโต๊ะ
4. น้ำมะพร้าว                       3      ช้อนโต๊ะ
5. น้ำตาลทราย                    2       ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

1. นำเผือกมาหั่นเป็นเส้น 40 กรัม ที่เหลือหั่นเป็นท่อนๆจากนั้นนำเนื้อมะพร้าวหั่นเป็นเส้น

2. นำน้ำตาลไปละลายกับน้ำมะพร้าว แล้วใส่ไปในเผือกที่หั่นเป็นท่อนจากนั้นนำเข้าไมโครเวฟไฟแรงประมาณ 5 นาที พอสุกแล้วบดให้ละเอียด

เคล็ดลับ: ในส่วนของเผือกเส้นให้เวฟ 1 นาทีเพราะต้องนำไปย่างบนกระต่อให้สุก


3. จากนั้นนำส่วนผสมทุกอย่างมาคลุกเคล้าให้เข้ากัน

4. นำไปย่างบนกระทะเชฟร่อนให้มีสีสันสวยงามทั้งสองด้าน พร้อมจัดเสิร์ฟ

ถ้าพูดถึงขนมไทยส่วนใหญ่คนมักจะบอกว่า กินแล้วอ้วนบ้างละ! หวานบ้างละ! แป้งเยอะบ้างละ! แต่วันนี้ใบพลูมีขนมไทยที่คลีนและไม่ใส่แป้งมาบอกต่อเพื่อนๆด้วย ลองทำตามกันน้า"บ้าบิ่นเผือกสูตรไม่ใส่แป้ง"

                                                                                                           

Friday, October 11, 2019

Yamaha เตรียมเปิดตัวรถคอนเซปต์สามคันในงาน Tokyo Motor Show 2019




Yamaha เตรียมเปิดตัวรถคอนเซปต์สามคันในงาน Tokyo Motor Show 2019


นับว่าเป็นงานหมวดหมู่ยานยนต์ใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่นกับงาน Tokyo Motor Show 2019 ที่จะจัดขึ้นทุกๆสองปี ซึ่งในแต่ล่ะครั้งที่มีการจัดงาน บรรดาค่ายผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ก็ล้วนแต่เข็นเอาโมเดลใหม่ทั้งในรูปแบบของ Production หรือทั้งที่เป็น Concpet ออกมากันอย่างมากมาย ซึ่ง Yamaha เองก็เป็นหนึ่งในนั้น



Yamaha YPJ-YZ
ล่าสุดมีการเปิดเผยข้อมูลเบื้องต้นออกมาว่าทางค่ายจะมีการเปิดตัวรถแนวคิดในงานนี้ด้วยกัน สามรุ่น โดยเน้นไปที่รถพลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก และหนึ่งในโมเดลที่จะเปิดตัวนี้จะเป็นจักรยานเสือภูเขารหัส YPJ-YZ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก รถมอเตอร์ไซค์วิบากในตระกูล YZ ของทางค่าย และสาเหตุสำคัญที่ Yamaha ใช้แนวคิดมอเตอร์ไฟฟ้าผสมกับจักรยานเสือภูเขานั้น ก็เพราะ Yamaha เป็นผู้ผลิตและจำหน่าย e-Bike หรือจักรยานไฟฟ้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว การแตกไลน์พิเศษสำหรับจักรยานแบบเฉพาะทางนั้นจึงเป็นรูปแบบที่น่าสนใจไม่น้อย



Yamaha E02
ส่วนอีกสองโมเดลนั้นจะมาในรูปแบบของรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ โดยที่จะมี Yamaha E02 รถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่จะมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับรถมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์สันดาปขนาด 50 ซีซี ซึ่งทาง Yamaha ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลออกมาอย่างเป็นทางการ ส่วนหนึ่งรุ่นนั้นจะเป็น Yamaha E01 รถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า รูปทรงอนาคตที่ดูเป็นเหลี่ยมเป็นมุมมากกว่า E02 และจากข้อมูลเบื้องต้นเจ้า E01 นั้นเทียบได้กับสกู๊ตเตอร์ขนาด 125 ซีซี ในเครื่องยนต์สันดาป



Yamaha E01
ในปี 2017 ที่ผ่านมา Yamaha ได้ใช้คอนเซปต์ Future Garage : Resonate the Future เป็นธีมหลักในการจัดแสดงงาน ซึ่งในปีนี้ดูเหมือนว่า Yamaha 1เองก็น่าจะใช้ธีมในทิศทางเดียวกับสองปีที่แล้ว ซึ่งเราก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าจะมีการเปิดเผยรายละเอียดของรถคอนเซปต์ทั้งสามคันหรือไม่ หรืออาจจะมีเซอร์ไพร์สสำหรับแฟนๆ Yamaha ในงานนี้ก็เป็นไปได้

น้ำผลไม้ เพื่อสุขภาพที่สามารถทำกินเองได้ที่บ้าน




น้ำผลไม้ เพื่อสุขภาพที่สามารถทำกินเองได้ที่บ้าน

น้ำผลไม้แยกกาก ถือว่าเป็นเครื่องดื่มที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ด้วยรสชาติที่อร่อย มีความหลากหลายของส่วนผสมจากผลไม้ทั่วโลก ดื่มง่าย และยังได้ประโยชน์โดยตรงจากผลไม้ ทำให้มีหลายคนอยากจะได้สูตรสำหรับทำไว้ดื่มเองที่บ้าน



1.น้ำกีวีแอ๊ปเปิ้ล

เมื่อพูดผลไม้สีเขียวเชื่อว่าจะต้องมีกีวี และแอ๊ปเปิ้ลติดอยู่ในลิสต์อย่างแน่นอน โดยสูตรน้ำผลไม้แยกกากสูตรแรกนั้นเราจะนำเอา แอปเปิลเขียว 1 ลูก และกีวี 1 ลูก เพิ่มส่วนผสมจากธรรมชาติอื่นๆอย่าง ขิงสดเล็กน้อย มะนาวครึ่งลูก และขึ้นฉ่ายฝรั่ง 1 – 2 ก้าน

นำแอ๊ปเปิ้ลมาหั่นเป็นชิ้น ปลอกเปลือกมะนาว และซอยขิงให้เรียบร้อย จากนั้นมาใส่ลงสลับในเครื่องปั่นแยกกากตามลำดับ แก้วนี้อัดแน่นไปด้วยวิตามินซีจากผลไม้สีเขียว มีส่วนช่วยในการลดการอุตันในเส้นเลือด บำรุงหัวใจ และลดคอลเลสเตอรอลได้อีกด้วย

2.น้ำบีทรูท

สูตรนี้ถือว่าเป็นน้ำที่ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับคุณได้อย่างดี เริ่มด้วยการเตรียมส่วนผสมอย่าง บีทรูท ½ –  1 หัว แครอท 2 หัว และส้ม 1 ลูก จากนั้นนำเอาบีทรูท แครอ และส้มมาปอกเปลือกพร้อมทั้งหั่นออกเป็นชิ้นกำลังดี ทยอยนำส่วนผสมทั้งหมดลงเครื่องปั่นแยกกากสลับกันไป ด้วยสรรพคุณจากบีทรูทจะช่วยทำให้ร่างกายสดชื่น เจริญอาหาร แข็งแรง กำจัดสารพิษ มีสารต้านอนุมูลอิสระจำนวนมาก และมีสารทานินที่ช่วยลดการเจริญเติบโตของเนื้องอก

3.น้ำพิ้งค์ชมพูสุดหวานฉ่ำ

เครื่องดื่มสีชมพูสุดน่าดื่มที่มาพร้อมกับประโยชน์ต่ร่างกาย เตรียมส่วนผสมหลักอย่าง แอปเปิล 1 ลูก มะนาว ½ ลูก ส้ม ½ ลูก ทับทิม 1 และลูกขิงสดเล็กน้อย นำผลไม้แต่ละชิ้นมาปลอกเปลือกและหั่นให้เรียบร้อย สำหรับแอ๊ปเปิ้ลแดงสามารถหั่นใส่ได้เลยโดยไม่ต้องปลอก

แก้วนี้ไม่ได้มีแต่รสชาติที่ดีและสดชื่นเท่านั้น แต่ทับทิมยังช่วยทำให้ผิวของคุณดูอ่อนวัย ริ้วรอยดูจางลง และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ มะนาวมีส่วนช่วยในการสลายไขมันที่สะสมอยู่ในเส้นเลือดให้น้อยลงและป้องกันการอุดตันในอนาคต

4.น้ำแยกกากผลไม้รวม

สูตรนี้เลือกเอาผลไม้รสชาติดีอย่าง แอปเปิ้ลเขียว แอปเปิ้ลแดง แครอท ส้ม และฝรั่ง โดยให้เลือกนำมาใช้อย่างละ ½ ลูก สูตรนี้จะช่วยดูแลสุขภาพทั้งภายในและภายนอก เช่น มีสารแคโรทีนอยด์ที่ช่วยให้คุณดูไม่แก่ ป้องกันผิวจากแสงแดด ทำให้ริ้มรอยดูจางลง ลดอาการอักเสบ ลดการเกิดสิว และยังช่วยบำรุงสายตาอีกด้วย

5.น้ำผลไม้สูตรร้อนแรง

สำหรับใสครที่กำลังเบื่อน้ำผลไม้ในแบบเดิมๆ เราขอแนะนำนำแยกกากสูตรร้อนแรงที่มาพร้อมกับมะเขือเทศ 3 ลูก มะนาวเลม่อน ¾ ลูก ขึ้นฉ่ายฝรั่ง 2 ก้าน และพริกชี้ฟ้า 1 – 2 เมล็ด โดยน้ำผลไม้สูตรนี้จะช่วยเพิ่มระบบเผาผลาญให้กับร่างกายได้ดี ลดน้ำตาลในเลือด ลดอาการอักเสบของผิว และยังป้องกันมะเร็งลำไส้ได้อีกด้วย


Thursday, October 10, 2019

เค้กชิฟฟ่อนแซนด์วิชนุ่มๆ ทำง่ายๆ ด้วยไมโครเวฟ




เค้กชิฟฟ่อนแซนด์วิชนุ่มๆ ทำง่ายๆ ด้วยไมโครเวฟ

เค้กชิฟฟ่อนแซนด์วิชนุ่มๆ ทำง่ายๆ ด้วยไมโครเวฟ



วันว่างๆ ใครหลายคนคงอยากจะทำขนมอร่อยๆ แบบที่มือใหม่ก็สามารถทำทานกันเองได้ใช่มั้ยล่ะคะ มาค่ะ วันนี้จะมาแชร์สูตรเค้กชิฟฟ่อนแซนด์วิชที่แม่บ้านญี่ปุ่นเขานิยมทำทานกันแบบง่ายๆ ไม่ว่าจะทานที่บ้าน หรือพกออกไปปิคนิคก็เป็นเมนูขนมหวานอร่อยเพลินๆ แถมหน้าตาน่ารักไม่อายใครอีกด้วยนะคะ

ส่วนผสม

1. พิมพ์เค้กขนาด 18cm
2. แป้งฮอตเค้กมิกซ์:200g
3. ไข่ไก่: 2 ฟอง
4. น้ำตาล: 2 ช้อนโต๊ะ
5. ชาฝรั่งซองแบบสำเร็จรูป: 2 ถุง
6. นม: 130cc
7. น้ำมันสลัด: 2 ช้อนโต๊ะ
8. วิปครีม
9. สตอเบอร์รี่

เตรียมล่วงหน้า

1. เอาผงชาฝรั่ง 1 ซอง (ประมาณ 1 ช้อนชา) ออกมาบดให้ละเอียด
2. อุ่นนมโดยเทใส่ภาชนะกันความร้อน แล้วนำเข้าไมโครเวฟ ใช้กำลังไฟ 600W ประมาณ 1 นาที อุ่นให้ร้อน (นมที่นำมาใช้จะร้อน สังเกตได้จากมีไอน้ำเกาะ)
3. นำไข่วางทิ้งไว้ในอุณหภูมิปกติ
4. ตีวิปครีมให้ขึ้นฟูจนตั้งยอด (เช็คได้จากเมื่อยกตะกร้อขึ้นมาจะเห็นวิปครีมเป็นยอดตั้งขึ้น)
5. ตัดหัวสตอเบอร์รี่ แล้วหั่นครึ่งแนวตั้ง

วิธีทำ

1. แช่ถุงชาในนมร้อน 1 ซองที่เหลือ ปล่อยไว้ประมาณ 5 นาที เราจะได้มิลค์ที
2. ตีไข่และน้ำตาลในชามให้เข้ากันดี
3.จากนั้นเทมิลค์ทีในข้อ 1 ลงไปผสมให้เข้ากัน จากนั้นใส่แป้งฮอตเค้กมิกซ์ ชาฝรั่งบด และน้ำมันสลัดตามลงไปคนให้เข้ากันอย่างเบามือ ระวังอย่าคนแรงและคนนานจนฟองอากาศหายไป วิธีเช็คโดยทั่วไปผสมจนไม่เห็นส่วนผสมของแป้งเป็นพอ

***ข้อสำคัญ เมื่อใส่แป้งฮอตเค้กลงไปผสม อย่าคนมากจนเกินไป ถึงแม้จะมีส่วนผสมแป้งเหลือบ้างก็ไม่เป็นไร***

4. เทใส่พิมพ์เค้กชิฟฟ่อน (18cm) อุ่น 5 นาทีโดยใช้ความร้อน 600W
5. เมื่อนำออกจากไมโครเวฟแล้วเราจะคว่ำพิมพ์ชิฟฟ่อนกลับหัวแล้วปล่อยทิ้งไว้ให้หายร้อน
6. นำออกจากพิมพ์แล้วหั่นขนาดให้ได้ 8 ใช้มีดบาดตรงกลางเพื่อตกแต่งโดยใส่วิปครีมและสตอเบอร์รี่ก็เสร็จเรียบร้อย



เมนูของหวานง่ายๆที่นำมาฝาก อุปกรณ์สำคัญเพียงมีไมโครเวฟที่บ้านก็ทำได้สบายๆ ใครที่ชอบทานขนมหวานอยู่แล้วรับรองว่าจะต้องถูกใจแน่นอนค่ะ

Saturday, October 5, 2019

ขนมหม้อแกง ฟินจนต้องยอมลงพุง




ขนมหม้อแกง ฟินจนต้องยอมลงพุง

ขนมหม้อแกง หรือ ขนมกุมภมาศ คือขนมที่ใช้ไข่ แป้ง และกะทิเป็นส่วนประกอบสำคัญ นำผสมกันในถาดตามสัดส่วน แล้วจึงนำไปอบจนหน้าของขนมหม้อแกงมีสีน้ำตาลทอง น่ารับประทาน ปัจจุบันมีการทำเผือก เม็ดบัว ถั่ว และหอมเจียว มาผสม และแต่งหน้าขนมหม้อแกง ทำให้ขนมหม้อแกงมีรสชาติที่กลมกล่อมมากขึ้น



ส่วนประกอบหลักของขนมหม้อแกง ทำให้ขนมหม้อแกงได้รับความนิยมชมชอบจากชนชั้นสูงในวัง และได้รับการขนานนามว่า ขนมกุมภมาส

ต่อมาเมื่อลูกมือในบ้านของท้าวทองกีบม้า (ภรรยาของเจ้าพระยาวิชเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน) ขุนนางกรีกที่ทำราชการในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช)ได้แต่งงาน ก็ได้นำสูตรและวิธีการทำขนมหม้อแกงออกมาถ่ายทอด ทำให้ชาวบ้าน คนธรรมดา ได้มีโอกาสรู้จักกับขนมหม้อแกง



เมื่อปีพ.ศ. 2529 จังหวัดเพชรบุรี ได้มีการบูรณะพระนครคีรีให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ ทำให้ชาวบ้านในละแวกนั้นทำขนมหม้อแกงที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นออกมาจำหน่าย ทำให้ขนมหม้อแกงเป็นขนมที่ขึ้นชื่อของจังหวัดเพชรบุรี

ขนมหม้อแกงสมัยก่อนจะทำกินกันเฉพาะในงานสำคัญ เช่น งานบวช หรืองานแต่งงาน ซึ่งขนมหม้อแกงนั้นจะถูกอบในเตาถ่านที่ใช้แผ่นสังกะสีมาคลุมบนถาดขนม แล้วใช้ถ่านหรือกาบมะพร้าวจุดไฟ แล้วเกลี่ยให้ทั่วสังกะสี ขนมหม้อแกงจะได้รับความร้อนทั้งด้านบน และด้านล่าง ทำให้หน้าของขนมหม้อแกงมีลักษณะเป็นสีน้ำตาลทอง

ส่วนผสม


1. ไข่ไก่ 1 ฟอง

2. น้ำตาลปี๊บ 3/4 ถ้วย

3. นมข้นจืด 1 กระป๋อง

4. ใบเตย 4-5 ใบ

5. แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต๊ะ

6. เผือกนึ่งบด 1 ถ้วย

7. หอมเจียว 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

1. ผสมไข่ไก่ นมข้นจืด และน้ำตาลปี๊บ ใส่ถุงมือขยำจนน้ำตาลปี๊บละลาย

2. ใส่แป้งข้าวเจ้าลงไปแล้วก็ขยำด้วยใบเตยอีกครั้ง และกรองด้วยกระชอนเพื่อความเนียนของขนม

3. ใส่เผือกบดลงไป คนให้เข้ากันจากนั้นก็นำหม้อตั้งไฟ ใส่หอมเจียวพร้อมกับน้ำมันของหอมเจียวด้วย

4. เทส่วนผสมลงหม้อ แล้วคนจนขนมข้นเหนียว ใช้เวลาประมาณ 5 นาที

5. เทใส่พิมพ์สี่เหลี่ยม เคาะเพื่อไล่อากาศออก แล้วนำเข้าเตาอบ ใช้ไฟ 120 องศา ในเวลา 25 – 30 นาที

6. เสร็จแล้วนำออกมาโรยด้วยหอมเจียวหรือเม็ดบัวก็ได้ค่ะ

Friday, October 4, 2019

การทำหม่ำหมู สูตรดเด็ดจากชัยภูมิ



การทำหม่ำหมู สูตรดเด็ดจากชัยภูมิ 




               หม่ำ
เป็นการถนอมอาหารแบบอีสานประเภทหนึ่ง เป็นการนำเนื้อสัตว์มาสับรวมกับเครื่องใน กระเทียม ข้าวคั่ว เกลือ นำไปยัดไส้หรือถุงน้ำดี หมักไว้ 5-6 วันจนมีรสเปรี้ยว ถ้าหมักในถุงน้ำดีจะได้หม่ำรูปกลม ถ้าหมักในไส้จะได้หม่ำรูปท่อน แต่เดิมใช้ถนอมเนื้อวัวที่เหลือจากการล้มวัว โดยใช้เนื้อวัวที่มีคุณภาพดีกว่าที่ใช้ทำไส้กรอกอีสาน ปัจจุบันมีที่ทำจากเนื้อหมูด้วย เราเลยขอนำเสนอ ความอร่อยได้เลยคะ

เตรียมวัตถุดิบตามนี้จร้า

1.เนื้อหมูไม่ติดมัน 2 กก.

2.ม้ามหมู(สดๆ) 300 กรัม (3ขีด)

3.กระเทียม 100 กรัม (1ขีด)

4.ข้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ

5.เกลือ 4 กรัม

6.ผงปรุงรส 60 กรัม

7.ข้าวเหนียว 2 ปั้น (เท่าไข่ไก่แช่ไว้ในน้ำเปล่า)

8.ไส้หมูหมักเกลือ

วิธีทำ 

ขั้นตอนที่ 1.

ให้เรานำเนื้อหมูไปบด (ใช้แป้นบดหมูแบบหยาบ อย่าบดละเอียดจนเกินไป) แล้วตามด้วยกระเทียมก็นำไปบดเช่นเดียวกัน (กระเทียมใช้แป้นบดหมูแบบละเอียด) จากนั้นก็นำม้ามไปย่างให้มีกลิ่นหอม (ย่างม้ามอย่าให้สุก พอได้กลิ่นหอมก็พอ) จากนั้นก็นำไปบดเช่นเดียวกับเนื้อหมู พอเตรียมวัตถุดิบเสร็จแล้ว

ขั้นตอนที่ 2.

ให้นำวัตถุดิบและเครื่องปรุงมาเทรวมใส่กันทั้งหมด จากนั้นให้คลุก ส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน แล้วตามด้วยการนวด ใช้เวลาในการนวดจนเหนียวประมาณ 30 นาที ถ้ารู้สึกว่าเหนียวแล้วก็เป็นอันได้ที่ จากนั้นให้นำไส้ไปล้างน้ำแล้วก็นำมายัด หม่ำได้เลย