CASINO ONLINE

CASINO ONLINE
CASINO ONLINE

Monday, October 14, 2019

ขนมหวานน่าทาน สาคูนมสด





ขนมหวานน่าทาน สาคูนมสด



เคยสงสัยกันไหมคะว่าเมื่อใดที่เรารู้สึกเครียด เบื่อหน่าย ไม่มีความสุข สิ่งแรกที่จะทำให้ภาวะต่างๆหายไปคือการได้รับความหวานจากของหวานที่มีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบ ไม่ว่าจะเป็นขนม เครื่องดื่ม หรือของหวานชนิดใดก็ตาม จากที่ไม่แฮปปี้ก็กลายเป็นแฮปปี้สุดๆได้ในทันทีทันใด และนี่คือเหตุผลว่าทำไมผู้หญิงกับความหวานถึงขาดกันไม่ได้
ความหวานที่มาพร้อมประโยชน์มากมาย


นอกจากความหวานจะทำให้เรามีความสุขแล้ว น้ำตาลยังมีบทบาทสำคัญที่ช่วยให้ระบบต่างๆในร่างกายทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการหายใจ การไหลเวียนโลหิต การย่อยอาหาร การขับถ่ายของเสีย นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของเซลล์ เนื้อเยื่อ และอวัยวะต่างๆภายในร่างกาย และทราบกันหรือไม่ว่า 70 เปอร์เซ็นต์ในการเคลื่อนไหวของเราต้องใช้พลังงานจากน้ำตาล ฉะนั้นจึงไม่มีวันไหนเลยที่ร่างกายของเราจะไม่ต้องการความหวาน

ส่วนผสม

1. สาคูเม็ดเล็ก ½ ถ้วยตวง
2. น้ำเปล่า 2 ถ้วยตวง
3. น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
4. แคนตาลูป ½ ผล

วิธีทำ

1. ตั้งน้ำจนเดือดด้วยไฟแรง ใส่สาคูลงไป คนเร็วๆ ให้สาคูกระจายตัว คนไปเรื่อยๆ เม็ดสาคูจะ ค่อยๆ พอง

2. ถ้าเห็นว่าน้ำแห้ง อาจจะเติมลงไปทีละนิด คนเรื่อยๆ จนเม็ดสาคูพอง จุดขาวๆ ในเม็ดสาคูจะเล็กลงไปเรื่อยๆ แต่อย่าต้มนานไปจนจุดขาวหายไปหมด เพราะเวลาเย็นแล้วสาคูจะเละเกินไป หรือถ้ามี จุดขาวเหลือมากเกินไป ก็จะเป็นไตแข็งๆ ด้านใน

3. จากนั้นเติมน้ำตาลทราย คนต่อจนน้ำตาลทรายละลายหมด ให้มีน้ำปริ่มสาคูนิดหน่อย อย่าให้แห้ง เกินไป ปิดเตาพักไว้ให้สาคูเย็น

4. เมื่อสาคูเย็นดีแล้ว เติมนมสดลงไป ชิมดูถ้าชอบหวานอาจจะทำน้ำเชื่อมใส่เพิ่มไปได้

5. คว้านแคนตาลูปให้เป็นลูกกลมๆ หรือจะหั่น เป็นชิ้นก็ได้ ใส่ในสาคูนมสด หรือจะเปลี่ยนเป็นผลไม้อย่างอื่น เช่น เนื้อมะพร้าว แอปเปิ้ล




กล้วยปิ้งราดน้ำกะทิ ขนมหวานฟินๆ ที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี

กล้วยปิ้งหรือเราเรียกว่ากล้วยทับ ขนมหวานฟินๆ ที่เราคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี ความหอมของกล้วยที่ถูกปิ้งด้วยเตาถ่านว่าหอมแล้ว และยิ่งราดด้วยน้ำเชื่อมที่ทำจากน้ำตาลปี๊บและกะทิ ยิ่งหอมหวนชวนรับประทาน แบบนี้ต้องแนะนำสูตรและวิธีทำกันหน่อยแล้ว



กล้วยน้ำว้า เป็นกล้วยพันธุ์หนึ่ง พัฒนามาจากลูกผสมระหว่างกล้วยป่ากับกล้วยตานี บริโภคกันอย่างแพร่หลาย ปลูกง่าย รสชาติดี สำหรับกล้วยน้ำว้าแบ่งออกเป็น 3 ชนิด ตามสีของเนื้อ คือ น้ำว้าแดง น้ำว้าขาว และน้ำว้าเหลือง คนไทยรับประทานกล้วยน้ำว้าทั้งผลสด ต้ม ปิ้ง และนำมาประกอบอาหาร นอกจากนี้ยังมีกล้วยน้ำว้าดำ ซึ่งเปลือกมีสีครั่งปนดำ แต่เนื้อมีสีขาว รสชาติอร่อยคล้ายกล้วยน้ำว้าขาว สำหรับกล้วยตีบเหมาะที่จะรับประทานผลสด เพราะเมื่อนำไปย่าง หรือต้มจะมีรสฝาด

กล้วยน้ำว้ามีชื่อพื้นเมืองอื่นเช่น กล้วยน้ำว้าเหลือง กล้วยใต้ หรือ กล้วยอ่อง เดิมจัดเป็นชนิด Musa sapientum L.
กล้วยน้ำว้าเมื่อเทียบกับกล้วยหอมและกล้วยไข่ กล้วยน้ำว้าจะให้พลังงานมากที่สุด กล้วยน้ำว้าห่ามและสุกมีธาตุเหล็กในปริมาณสูง ช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง ป้องกันโรคโลหิตจาง มีแคลเซียม ฟอสฟอรัส และวิตามินซีช่วยบำรุงกระดูก ฟัน และเหงือกให้แข็งแรง ช่วยให้ผิวพรรณดี มีเบต้าแคโรทีน ไนอาซีนและใยอาหาร ช่วยให้ระบบขับถ่ายคล่องขึ้น กินกล้วยน้ำว้าสุก จะช่วยระบายท้องและสามารถรักษาโรคเลือดออกตามไรฟันในเด็กเล็กได้ ช่วยลดอาการเจ็บคอ เจ็บหน้าอกที่มีอาการไอแห้งร่วมด้วย โดยกินวันละ 4-6 ลูก แบ่งกินกี่ครั้ง ก็ได้ กินกล้วยก่อนแปรงฟันทุกวันจะทำให้ไม่มีกลิ่นปาก และผิวพรรณดี เห็นผลได้ใน 1 สัปดาห์ กล้วยน้ำว้าดิบและห่ามมีสารแทนนิน เพคตินมีฤทธิ์ฝาดสมาน รักษา อาการท้องเสียที่ไม่รุนแรงได้ โดยกินครั้งละครึ่งผล หรือ 1 ผล อาการท้องเสียจะทุเลาลง นอกจากนี้จากการศึกษาวิจัยยังพบว่า มีผลในการรักษาโรคกระเพาะได้อีกด้วย

กล้วยน้ำว้าสามารถแปรรูปได้หลากหลาย อย่างกล้วยน้ำว้าสุกสามารถใช้ทำเป็นขนม ของหวานต่างๆ อาทิ กล้วยเชื่อม กล้วยบวชชี มีลักษณะสีเหลืองทั้งเปลือก และเนื้อ มีรสหวาน เหนียวนุ่ม นำมารับประทานเป็นผลไม้ และทำขนมหวาน แปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น กล้วยตาก หรือ ข้าวต้มมัด เป็นต้น

ส่วนผสม

1. กล้วยน้ำว้า (ไม่สุกเกิน) 1 หวี
2. น้ำตาลปี๊บ 1 1/2 ถ้วย
3. กะทิ 1 ถ้วย
4. เกลือ 1 หยิบมือ
5. เนยสด 2 ช้อนชา

วิธีทำ

1. หั่นกล้วยเป็นแว่นๆ เสียบไม้ไว้สำหรับปิ้ง

2. เตรียมเตาถ่านสำหรับปิ้ง แนะนำให้ใช้เป็นเตาถ่านจะหอมกว่าใช้วิธีอื่น หรือถ้าเอาสะดวกก็ใช้เตาแก๊สก็ได้ วางตะแกรงปิ้งไว้บนไฟอ่อนๆ แล้วนำกล้วยที่เสียบไม้ไว้ปิ้งเลยค่ะ

3. ทำน้ำราด นำน้ำตาลปี๊บกับน้ำกะทิ 1 ส่วนมาเคี่ยวจนน้ำตาลละลาย แล้วเติมเนยสดลงไปเคี่ยวให้เข้ากันและใส่กะทิส่วนที่เหลือลงไปเคี่ยวต่อ เมื่อเคี่ยวเสร็จแล้วนำลงมาพักไว้ให้เย็น

4. กล้วยเริ่มสุกดีแล้วนำลงมาทับให้แบนด้วยไม้คลึงแป้งหากไม่มีก็อาจจะใช้มีดปังตอทับให้กล้วยแบน จัดใส่จานแล้วราดน้ำกะทิให้ชุ่มหรือตักแยกไว้จิ้มก็ได้ค่ะ



Sunday, October 13, 2019

ขนมต้มใบเตย ขนมหวานโบราณของไทย และขนมแห่งศาสนาพราหมณ์





ขนมต้มใบเตย  ขนมหวานโบราณของไทย และขนมแห่งศาสนาพราหมณ์



ขนมต้ม เป็นขนมที่มีหลักฐานว่ามีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย เข้ามาพร้อมกับศาสนาพราหมณ์และลัทธิความเชื่อเกี่ยวกับเทพเจ้า โดยเชื่อกันว่าพระพิฆเนศโปรดขนมนี้มาก ครั้งหนึ่งเสวยเข้าไปจนเต็มพุง เมื่อขี่หนูกลับวิมาน ระหว่างทางหนูมาเจองู ตกใจจึงหยุดทันที พระพิฆเนศตกจากหลังหนู พุงแตก พระพิฆเนศเสียดายขนมจึงกอบเข้าใส่พุงใหม่แล้วเอาซากงูที่ตีตายแล้วมาพันพุงไว้ แล้วจึงกลับไปวิมาน ต่อมาได้มีบทบาทสำคัญในพิธีบวงสรวงเทวดา ในพิธีกรรมต่างๆ เช่น ยกเสาเอก ตั้งศาลพระภูมิ ในประเพณีสู่ขอแต่โบราณในบางท้องที่ใช้ขนมต้มด้วย ดังมีเพลงพวงมาลัยร้องเล่นว่า

โอ้ละเหยลอยมา                       ลอยมาแล้วก็ลอยไป
พ่อแม่ท่านเลี้ยงมายาก              จะกินขันหมากให้ได้
ไม่ได้กินหนมต้มอมน้ำตาล        น้องไม่รับประทานของใคร
พวงเจ้าเอ๋ยมาลัย                      ถอยหลังกลับไปเถิดเอย

ขนมต้มขาวนั้น ใช้แป้งข้าวเหนียวปั้นเป็นก้อนกลม ใส่ไส้น้ำตาลหม้อ ลงไปต้มให้สุก โรยด้วยมะพร้าวขูด ต่อมาจึงทำหน้ากระฉีก ซึ่งเป็นมะพร้าวขูดมาเคี่ยวกับน้ำตาลหม้อจนเหนียว ใช้เป็นไส้แทน ส่วนขนมต้มแดง ใช้แป้งข้าวเหนียวแผ่เป็นแผ่นแบน ต้มให้สุก ราดด้วยหน้ากระฉีกที่ค่อนข้างเหลว

ขนมที่เรียกว่าขนมต้มของภาคใต้จะต่างไปจากภาคกลาง ขนมต้มของภาคใต้จะเป็นข้าวเหนียวผสมน้ำกะทิห่อใบกะพ้อแล้วเอาไปต้ม บางท้องที่เรียกห่อต้ม ขนมที่ทำแบบนี้ทางภาคกลางเรียกข้าวต้มมัดหรือข้าวต้มผัด



ต้นเตย หรือใบเตยประโยชน์  ได้แก่  ช่วยบำรุงสมอง ประสาท ทำให้สดชื่น และแก้อาการอ่อนเพลีย ช่วยบำรุงหัวใจ และลดความดันโลหิต ช่วยขับปัสสาวะและรักษาโรคเบาหวาน ช่วยรักษาโรคหัด ช่วยบรรเทาอาการปวดจากโรคข้อ ช่วยรักษารังแคบนหนังศีรษะ ย้อมผมดำ ช่วยบำรุงผิวพรรณ

“ขนมต้มใบเตย”

ส่วนผสม 

1.มะพร้าวขูดทึนทึ (ผัดไส้)                                      500        กรัม
2.มะพร้าวขูดทึนทึก(คลุกข้างนอก)                          500        กรัม
3.น้ำตาลมะพร้าว                                                    500        กรัม
4.น้ำใบเตย(สำหรับผัดไส้)
5.เกลือ                                                                  1/2          ช้อนชา
6.แป้งข้าวเหนียว                                                    500         กรัม
7.น้ำกะทิ                                                                 1           ถ้วย (ผสมแป้ง และผัดกับไส้)
8.งาขาวคั่ว                                                              1/2        ช้อนโต๊ะ
9.น้ำใบเตยคั้นสด(ทำแป้งใบเตย)                                1           ถ้วย

วิธีทำ


1.ผัดไส้ก่อนใส่ มะพร้าวขูด น้ำตาลปีบ เกลือ น้ำกะทิ น้ำใบเตย ในกระทะ แล้วกวนไฟอ่อนๆ กวนไปเรื่อยๆ จน        มะพร้าวแห้ง ไม่ติดกระทะ ไส้มะพร้าวสุกดีแล้วก็ ยกลงมาพักไว้ให้เย็น

2.ไส้ขนมต้มเย็นลงแล้ว ก็ปั้นเป็นลูกเล็กๆเตรียมไว้

3.นำแป้งข้าวเหนียวใส่ชาม เติมน้ำใบเตย และกะทิลงไป นวดให้เข้ากัน ให้แป้งนิ่มๆ

4.ตั้งหม้อใส่น้ำ นำไปต้มให้เดือด จากนั้น นำแป้งมาห่อไม้ขนมต้มที่ปั้นไว้ ปั่นเป็นกลมๆ จากนั้นใส่ลงไปในหม้อน้ำเดือด เมื่อขนมต้มสุกแล้ว มันจะลอยขึ้นมาเอง

5.นำขนมต้มที่สุกแล้วมาคลุกกับมะพร้าวขูกที่เตรียมไว้ จัดใส่จานพร้อมเสิร์ความหวานแบบไทยๆ

Saturday, October 12, 2019

มอเตอร์ไซค์ใหม่ Honda ADV 250 อาจเปิดตัวที่งาน Tokyo Motor Show 2019





มอเตอร์ไซค์ใหม่ Honda ADV 250 อาจเปิดตัวที่งาน Tokyo Motor Show 2019



ล่าสุดมีรายงานเกี่ยวกับมอเตอร์ไซค์ใหม่ กับตระกูล ADV ที่ก่อนหน้านี้เพิ่งเปิดตัวพิกัด 150 ซีซีกันไปแล้วที่อินโดนีเซีย ซึ่งล่าสุดนี้เองมีรายงานว่ารถจักรยานยนต์ใหม่ Honda ADV 250 มีความเป็นไปได้ที่จะเปิดตัวที่งาน Tokyo Motor Show 2019 ในช่วงเดือนตุลาคมปีนี้


โดยสำหรับมอเตอร์ไซค์ใหม่ Honda ADV 250 นั้น คาดว่าจะมาพร้อมกับขุมกำลังพิกัด 250 ซีซี จาก Honda Forza 250 ก่อนที่จะมีพิกัด 300 ซีซี เพิ่มเติมเข้ามาในภายหลัง และค่อนข้างแน่นอนว่ารูปลักษณ์น่าจะไม่หนีกันมากเท่าใด แต่อาจมีเพียงจุดต่างๆ เล็กน้อยที่ถูกทำให้แตกต่างกัน ซึ่งต้องรอติดตามการเปิดตัวอย่างเป็นทางการว่าจะมีขึ้นหรือไม่ในงาน Tokyo Motor Show 2019 ตุลาคมนี้


และสำหรับมอเตอร์ไซค์ใหม่ Honda ADV 150 ที่เปิดตัวไปแล้วที่อินโดนีเซีย กับราคารถเริ่ม 7.4 หมื่นบาท เรียกได้ว่าได้รับกระแสตอบรับดีไม่น้อย โดยเฉพาะในบ้านเราที่ลุ้นให้เข้ามาจำหน่ายในเร็ววัน ด้วยรูปลักษณ์ที่ถอดแบบมาจากรุ่นใหญ่ Honda X ADV ในขนาดตัวรถที่ตอบโจทย์การใช้งานในเมืองมากขึ้น มีความบึกบึนสปอร์ตลงตัว และยังขับขี่ได้ง่ายดาย ซึ่งขุมกำลังเป็นแบบสูบเดี่ยว 149.3 ซีซี ที่รีดกำลังได้สูงสุด 14.5 แรงม้า ที่รอบเครื่องยนต์ 8,500 รอบ/นาที แรงบิดสูงสุด 13.8 นิวตันเมตร ที่ 6,500 รอบ/นาที พร้อมระบบ Idling Stop และแน่นอนว่ามากับหัวฉีด PGM-Fi


ขนมโตเกียว ขนมยอดฮิตที่หน้าโรงเรียน




ขนมโตเกียว ขนมยอดฮิตที่หน้าโรงเรียน

 ขนมโตเกียว แท้ที่จริงคือขนมที่มีแต่ในประเทศไทยไม่ได้อยู่ในญี่ปุ่นแต่อย่างใด แต่คงจะหน้าตาคล้ายกับโดะระยะกิเลยตั้งชื่อว่าขนมโตเกียว แต่อย่างไรก็ตามขนมโตเกียวก็เห็นมาตั้งแต่เด็ก ร้านคุณลุงที่อยู่หน้าโรงเรียนที่ขายชิ้นละ 2 – 3 บาท ปัจจุบันก็ยังคงเป็นราคานี้อยู่ มีหลายไส้เช่น ไส้ครีม ไส้ไข่ และไส้ที่ฮิตที่สุดคือไส้รวมมิตรหรือไส้เค็ม วิธีการทำต้องเตรียมเครื่องปรุงหลายอย่าง หากคิดอยากจะฝึกทำเล่นๆ ก็ดูส่วนผสมและวิธีทำกันเลยค่ะ




ส่วนผสม

1. แป้งสาลีอเนกประสงค์ 1 ถ้วย
2. เกลือ 1/2 ช้อนชา
3. ผงฟู 2 ช้อนชา
4. ไข่ไก่ 1ฟอง
5. น้ำตาลทราย 1/4 ถ้วย
6. นมสด 1 ถ้วย
7. เนยจืดละลาย 1 ช้อนโต๊ะ
8. กลิ่นวานิลลา 1 ช้อนชา
9. น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
10.กระเทียมกับรากผักชีตำ 2 ช้อนโต๊ะ
11.หมูบด 150 กรัม
12.ซอสหอยนางรม 1 ช้อนโต๊ะ
13.ซอสปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
14.พริกไทยป่น 2 ช้อนชา
15.ไข่นกกระทา 1 ฟอง
16.ไส้กรอก


วิธีทำ

1. ผสมแป้งของโตเกียวก่อนโดยร่อนแป้งสาลีอเนกประสงค์ เกลือ และผงฟูรวมกัน ใส่ชามวางพักไว้ก่อน
2. ตีไข่ไก่กับน้ำตาลทรายแล้วผสมนมสด เนยจืดละลาย และกลิ่นวานิลลา คนจนส่วนผสมเข้ากัน
3. เทแป้งที่ร่อนไว้ลงไป ใส่ทีละนิด แล้วก็คนให้เข้ากันแล้ววางพักไว้ 20 นาที
4. ระหว่างรอแป้งให้ทำไส้หมูสับเตรียมไว้ โดยตั้งกระทะผัดหมูสับกับกระเทียมและรากผักชีตำ
5. ปรุงรสด้วยหอยนางรม ซอสปรุงรส พริกไทยป่น ผัดจนหมูสุกแล้วตักใส่ชามแยกไว้
6. ใช้กระทะเทฟล่อนตั้งไทยไฟกลาง ตักแป้งใส่ในกระทะแล้ววนเป็นวงกลม
7. เมื่อแป้งด้านล่างเริ่มสุก ตอกไข่ลงไปแล้วยีไข่ให้แตก ตักหมูสับและวางไส้กรอกลงไป
8. เหยาะซอสปรุงรสและพริกไทย เมื่อไข่เริ่มสุกดีแล้วก็จัดการม้วนขนม วางใส่จานเสิร์ฟ

ขนมบ้าบิ่นเผือก ขนมไทย เชื้อสายโปรตุเกส





ขนมบ้าบิ่นเผือก ขนมไทย เชื้อสายโปรตุเกส

ขนมบ้าบิ่น ขนมไทยอย่างหนึ่ง ทำจากแป้งข้าวเหนียวผสมกับมะพร้าวและนํ้าตาลทรายรวมถึงไข่ไก่ ทำให้สุกด้วยการผิงไฟล่างไฟบน มีลักษณะเป็นชิ้นเล็ก ๆ แบน ๆ เป็นขนมที่มีที่มาจากขนมโปรตุเกสเช่นเดียวกับขนมไทยอีกหลาย ๆ ประเภท แต่ขนมบ้าบิ่นน่าจะถือกำเนิดในยุครัตนโกสินทร์



ที่มาของชื่อ "บ้าบิ่น" มีที่มาด้วยกันสองกระแส บ้างก็ว่ามาจากผู้ที่เป็นเจ้าของตำรับซึ่งเป็นชาวชุมชนกุฎีจีนชื่อ "แม่บิ่น" โดยครั้งแรกใช้ชื่อว่า "ขนมป้าบิ่น" และเรียกเพี้ยนจนกลายเป็นบ้าบิ่นในที่สุด ขณะที่อีกกระแสหนึ่งกล่าวว่า ด้วยความที่ขนมบ้าบิ่นมีที่มาจากขนมโปรตุเกสชื่อ กลชาดาซ เดอ กรูอิงบรา ซึ่งใช้เนยแข็งเป็นวัตถุดิบ แต่เรียกกันติดปากเพียงคำสุดท้าย คือ "บรา" และต่อมาเพิ่มคำว่า "บิ่น" เข้าไป จนกลายมาเป็นขนมบ้าบิ่นในที่สุด โดยแหล่งของขนมบ้าบิ่นที่ขึ้นชื่อ คือ อำเภอท่าเรือ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา

ส่วนผสม

1. เผือก                          150      กรัม
2. เนื้อมะพร้าวน้ำหอม        60      กรัม
3. มะพร้าวป่นอบแห้ง            2      ช้อนโต๊ะ
4. น้ำมะพร้าว                       3      ช้อนโต๊ะ
5. น้ำตาลทราย                    2       ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

1. นำเผือกมาหั่นเป็นเส้น 40 กรัม ที่เหลือหั่นเป็นท่อนๆจากนั้นนำเนื้อมะพร้าวหั่นเป็นเส้น

2. นำน้ำตาลไปละลายกับน้ำมะพร้าว แล้วใส่ไปในเผือกที่หั่นเป็นท่อนจากนั้นนำเข้าไมโครเวฟไฟแรงประมาณ 5 นาที พอสุกแล้วบดให้ละเอียด

เคล็ดลับ: ในส่วนของเผือกเส้นให้เวฟ 1 นาทีเพราะต้องนำไปย่างบนกระต่อให้สุก


3. จากนั้นนำส่วนผสมทุกอย่างมาคลุกเคล้าให้เข้ากัน

4. นำไปย่างบนกระทะเชฟร่อนให้มีสีสันสวยงามทั้งสองด้าน พร้อมจัดเสิร์ฟ

ถ้าพูดถึงขนมไทยส่วนใหญ่คนมักจะบอกว่า กินแล้วอ้วนบ้างละ! หวานบ้างละ! แป้งเยอะบ้างละ! แต่วันนี้ใบพลูมีขนมไทยที่คลีนและไม่ใส่แป้งมาบอกต่อเพื่อนๆด้วย ลองทำตามกันน้า"บ้าบิ่นเผือกสูตรไม่ใส่แป้ง"

                                                                                                           

Friday, October 11, 2019

Yamaha เตรียมเปิดตัวรถคอนเซปต์สามคันในงาน Tokyo Motor Show 2019




Yamaha เตรียมเปิดตัวรถคอนเซปต์สามคันในงาน Tokyo Motor Show 2019


นับว่าเป็นงานหมวดหมู่ยานยนต์ใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่นกับงาน Tokyo Motor Show 2019 ที่จะจัดขึ้นทุกๆสองปี ซึ่งในแต่ล่ะครั้งที่มีการจัดงาน บรรดาค่ายผู้ผลิตรถมอเตอร์ไซค์ก็ล้วนแต่เข็นเอาโมเดลใหม่ทั้งในรูปแบบของ Production หรือทั้งที่เป็น Concpet ออกมากันอย่างมากมาย ซึ่ง Yamaha เองก็เป็นหนึ่งในนั้น



Yamaha YPJ-YZ
ล่าสุดมีการเปิดเผยข้อมูลเบื้องต้นออกมาว่าทางค่ายจะมีการเปิดตัวรถแนวคิดในงานนี้ด้วยกัน สามรุ่น โดยเน้นไปที่รถพลังงานไฟฟ้าเป็นหลัก และหนึ่งในโมเดลที่จะเปิดตัวนี้จะเป็นจักรยานเสือภูเขารหัส YPJ-YZ ที่ได้แรงบันดาลใจมาจาก รถมอเตอร์ไซค์วิบากในตระกูล YZ ของทางค่าย และสาเหตุสำคัญที่ Yamaha ใช้แนวคิดมอเตอร์ไฟฟ้าผสมกับจักรยานเสือภูเขานั้น ก็เพราะ Yamaha เป็นผู้ผลิตและจำหน่าย e-Bike หรือจักรยานไฟฟ้าเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว การแตกไลน์พิเศษสำหรับจักรยานแบบเฉพาะทางนั้นจึงเป็นรูปแบบที่น่าสนใจไม่น้อย



Yamaha E02
ส่วนอีกสองโมเดลนั้นจะมาในรูปแบบของรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าเต็มรูปแบบ โดยที่จะมี Yamaha E02 รถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้าที่จะมีประสิทธิภาพเทียบเท่ากับรถมอเตอร์ไซค์เครื่องยนต์สันดาปขนาด 50 ซีซี ซึ่งทาง Yamaha ยังไม่มีการเปิดเผยข้อมูลออกมาอย่างเป็นทางการ ส่วนหนึ่งรุ่นนั้นจะเป็น Yamaha E01 รถสกู๊ตเตอร์ไฟฟ้า รูปทรงอนาคตที่ดูเป็นเหลี่ยมเป็นมุมมากกว่า E02 และจากข้อมูลเบื้องต้นเจ้า E01 นั้นเทียบได้กับสกู๊ตเตอร์ขนาด 125 ซีซี ในเครื่องยนต์สันดาป



Yamaha E01
ในปี 2017 ที่ผ่านมา Yamaha ได้ใช้คอนเซปต์ Future Garage : Resonate the Future เป็นธีมหลักในการจัดแสดงงาน ซึ่งในปีนี้ดูเหมือนว่า Yamaha 1เองก็น่าจะใช้ธีมในทิศทางเดียวกับสองปีที่แล้ว ซึ่งเราก็ต้องรอดูกันต่อไปว่าจะมีการเปิดเผยรายละเอียดของรถคอนเซปต์ทั้งสามคันหรือไม่ หรืออาจจะมีเซอร์ไพร์สสำหรับแฟนๆ Yamaha ในงานนี้ก็เป็นไปได้

น้ำผลไม้ เพื่อสุขภาพที่สามารถทำกินเองได้ที่บ้าน




น้ำผลไม้ เพื่อสุขภาพที่สามารถทำกินเองได้ที่บ้าน

น้ำผลไม้แยกกาก ถือว่าเป็นเครื่องดื่มที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในปัจจุบัน ด้วยรสชาติที่อร่อย มีความหลากหลายของส่วนผสมจากผลไม้ทั่วโลก ดื่มง่าย และยังได้ประโยชน์โดยตรงจากผลไม้ ทำให้มีหลายคนอยากจะได้สูตรสำหรับทำไว้ดื่มเองที่บ้าน



1.น้ำกีวีแอ๊ปเปิ้ล

เมื่อพูดผลไม้สีเขียวเชื่อว่าจะต้องมีกีวี และแอ๊ปเปิ้ลติดอยู่ในลิสต์อย่างแน่นอน โดยสูตรน้ำผลไม้แยกกากสูตรแรกนั้นเราจะนำเอา แอปเปิลเขียว 1 ลูก และกีวี 1 ลูก เพิ่มส่วนผสมจากธรรมชาติอื่นๆอย่าง ขิงสดเล็กน้อย มะนาวครึ่งลูก และขึ้นฉ่ายฝรั่ง 1 – 2 ก้าน

นำแอ๊ปเปิ้ลมาหั่นเป็นชิ้น ปลอกเปลือกมะนาว และซอยขิงให้เรียบร้อย จากนั้นมาใส่ลงสลับในเครื่องปั่นแยกกากตามลำดับ แก้วนี้อัดแน่นไปด้วยวิตามินซีจากผลไม้สีเขียว มีส่วนช่วยในการลดการอุตันในเส้นเลือด บำรุงหัวใจ และลดคอลเลสเตอรอลได้อีกด้วย

2.น้ำบีทรูท

สูตรนี้ถือว่าเป็นน้ำที่ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้กับคุณได้อย่างดี เริ่มด้วยการเตรียมส่วนผสมอย่าง บีทรูท ½ –  1 หัว แครอท 2 หัว และส้ม 1 ลูก จากนั้นนำเอาบีทรูท แครอ และส้มมาปอกเปลือกพร้อมทั้งหั่นออกเป็นชิ้นกำลังดี ทยอยนำส่วนผสมทั้งหมดลงเครื่องปั่นแยกกากสลับกันไป ด้วยสรรพคุณจากบีทรูทจะช่วยทำให้ร่างกายสดชื่น เจริญอาหาร แข็งแรง กำจัดสารพิษ มีสารต้านอนุมูลอิสระจำนวนมาก และมีสารทานินที่ช่วยลดการเจริญเติบโตของเนื้องอก

3.น้ำพิ้งค์ชมพูสุดหวานฉ่ำ

เครื่องดื่มสีชมพูสุดน่าดื่มที่มาพร้อมกับประโยชน์ต่ร่างกาย เตรียมส่วนผสมหลักอย่าง แอปเปิล 1 ลูก มะนาว ½ ลูก ส้ม ½ ลูก ทับทิม 1 และลูกขิงสดเล็กน้อย นำผลไม้แต่ละชิ้นมาปลอกเปลือกและหั่นให้เรียบร้อย สำหรับแอ๊ปเปิ้ลแดงสามารถหั่นใส่ได้เลยโดยไม่ต้องปลอก

แก้วนี้ไม่ได้มีแต่รสชาติที่ดีและสดชื่นเท่านั้น แต่ทับทิมยังช่วยทำให้ผิวของคุณดูอ่อนวัย ริ้วรอยดูจางลง และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ มะนาวมีส่วนช่วยในการสลายไขมันที่สะสมอยู่ในเส้นเลือดให้น้อยลงและป้องกันการอุดตันในอนาคต

4.น้ำแยกกากผลไม้รวม

สูตรนี้เลือกเอาผลไม้รสชาติดีอย่าง แอปเปิ้ลเขียว แอปเปิ้ลแดง แครอท ส้ม และฝรั่ง โดยให้เลือกนำมาใช้อย่างละ ½ ลูก สูตรนี้จะช่วยดูแลสุขภาพทั้งภายในและภายนอก เช่น มีสารแคโรทีนอยด์ที่ช่วยให้คุณดูไม่แก่ ป้องกันผิวจากแสงแดด ทำให้ริ้มรอยดูจางลง ลดอาการอักเสบ ลดการเกิดสิว และยังช่วยบำรุงสายตาอีกด้วย

5.น้ำผลไม้สูตรร้อนแรง

สำหรับใสครที่กำลังเบื่อน้ำผลไม้ในแบบเดิมๆ เราขอแนะนำนำแยกกากสูตรร้อนแรงที่มาพร้อมกับมะเขือเทศ 3 ลูก มะนาวเลม่อน ¾ ลูก ขึ้นฉ่ายฝรั่ง 2 ก้าน และพริกชี้ฟ้า 1 – 2 เมล็ด โดยน้ำผลไม้สูตรนี้จะช่วยเพิ่มระบบเผาผลาญให้กับร่างกายได้ดี ลดน้ำตาลในเลือด ลดอาการอักเสบของผิว และยังป้องกันมะเร็งลำไส้ได้อีกด้วย


Thursday, October 10, 2019

เค้กชิฟฟ่อนแซนด์วิชนุ่มๆ ทำง่ายๆ ด้วยไมโครเวฟ




เค้กชิฟฟ่อนแซนด์วิชนุ่มๆ ทำง่ายๆ ด้วยไมโครเวฟ

เค้กชิฟฟ่อนแซนด์วิชนุ่มๆ ทำง่ายๆ ด้วยไมโครเวฟ



วันว่างๆ ใครหลายคนคงอยากจะทำขนมอร่อยๆ แบบที่มือใหม่ก็สามารถทำทานกันเองได้ใช่มั้ยล่ะคะ มาค่ะ วันนี้จะมาแชร์สูตรเค้กชิฟฟ่อนแซนด์วิชที่แม่บ้านญี่ปุ่นเขานิยมทำทานกันแบบง่ายๆ ไม่ว่าจะทานที่บ้าน หรือพกออกไปปิคนิคก็เป็นเมนูขนมหวานอร่อยเพลินๆ แถมหน้าตาน่ารักไม่อายใครอีกด้วยนะคะ

ส่วนผสม

1. พิมพ์เค้กขนาด 18cm
2. แป้งฮอตเค้กมิกซ์:200g
3. ไข่ไก่: 2 ฟอง
4. น้ำตาล: 2 ช้อนโต๊ะ
5. ชาฝรั่งซองแบบสำเร็จรูป: 2 ถุง
6. นม: 130cc
7. น้ำมันสลัด: 2 ช้อนโต๊ะ
8. วิปครีม
9. สตอเบอร์รี่

เตรียมล่วงหน้า

1. เอาผงชาฝรั่ง 1 ซอง (ประมาณ 1 ช้อนชา) ออกมาบดให้ละเอียด
2. อุ่นนมโดยเทใส่ภาชนะกันความร้อน แล้วนำเข้าไมโครเวฟ ใช้กำลังไฟ 600W ประมาณ 1 นาที อุ่นให้ร้อน (นมที่นำมาใช้จะร้อน สังเกตได้จากมีไอน้ำเกาะ)
3. นำไข่วางทิ้งไว้ในอุณหภูมิปกติ
4. ตีวิปครีมให้ขึ้นฟูจนตั้งยอด (เช็คได้จากเมื่อยกตะกร้อขึ้นมาจะเห็นวิปครีมเป็นยอดตั้งขึ้น)
5. ตัดหัวสตอเบอร์รี่ แล้วหั่นครึ่งแนวตั้ง

วิธีทำ

1. แช่ถุงชาในนมร้อน 1 ซองที่เหลือ ปล่อยไว้ประมาณ 5 นาที เราจะได้มิลค์ที
2. ตีไข่และน้ำตาลในชามให้เข้ากันดี
3.จากนั้นเทมิลค์ทีในข้อ 1 ลงไปผสมให้เข้ากัน จากนั้นใส่แป้งฮอตเค้กมิกซ์ ชาฝรั่งบด และน้ำมันสลัดตามลงไปคนให้เข้ากันอย่างเบามือ ระวังอย่าคนแรงและคนนานจนฟองอากาศหายไป วิธีเช็คโดยทั่วไปผสมจนไม่เห็นส่วนผสมของแป้งเป็นพอ

***ข้อสำคัญ เมื่อใส่แป้งฮอตเค้กลงไปผสม อย่าคนมากจนเกินไป ถึงแม้จะมีส่วนผสมแป้งเหลือบ้างก็ไม่เป็นไร***

4. เทใส่พิมพ์เค้กชิฟฟ่อน (18cm) อุ่น 5 นาทีโดยใช้ความร้อน 600W
5. เมื่อนำออกจากไมโครเวฟแล้วเราจะคว่ำพิมพ์ชิฟฟ่อนกลับหัวแล้วปล่อยทิ้งไว้ให้หายร้อน
6. นำออกจากพิมพ์แล้วหั่นขนาดให้ได้ 8 ใช้มีดบาดตรงกลางเพื่อตกแต่งโดยใส่วิปครีมและสตอเบอร์รี่ก็เสร็จเรียบร้อย



เมนูของหวานง่ายๆที่นำมาฝาก อุปกรณ์สำคัญเพียงมีไมโครเวฟที่บ้านก็ทำได้สบายๆ ใครที่ชอบทานขนมหวานอยู่แล้วรับรองว่าจะต้องถูกใจแน่นอนค่ะ

Saturday, October 5, 2019

ขนมหม้อแกง ฟินจนต้องยอมลงพุง




ขนมหม้อแกง ฟินจนต้องยอมลงพุง

ขนมหม้อแกง หรือ ขนมกุมภมาศ คือขนมที่ใช้ไข่ แป้ง และกะทิเป็นส่วนประกอบสำคัญ นำผสมกันในถาดตามสัดส่วน แล้วจึงนำไปอบจนหน้าของขนมหม้อแกงมีสีน้ำตาลทอง น่ารับประทาน ปัจจุบันมีการทำเผือก เม็ดบัว ถั่ว และหอมเจียว มาผสม และแต่งหน้าขนมหม้อแกง ทำให้ขนมหม้อแกงมีรสชาติที่กลมกล่อมมากขึ้น



ส่วนประกอบหลักของขนมหม้อแกง ทำให้ขนมหม้อแกงได้รับความนิยมชมชอบจากชนชั้นสูงในวัง และได้รับการขนานนามว่า ขนมกุมภมาส

ต่อมาเมื่อลูกมือในบ้านของท้าวทองกีบม้า (ภรรยาของเจ้าพระยาวิชเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน) ขุนนางกรีกที่ทำราชการในรัชกาลสมเด็จพระนารายณ์มหาราช)ได้แต่งงาน ก็ได้นำสูตรและวิธีการทำขนมหม้อแกงออกมาถ่ายทอด ทำให้ชาวบ้าน คนธรรมดา ได้มีโอกาสรู้จักกับขนมหม้อแกง



เมื่อปีพ.ศ. 2529 จังหวัดเพชรบุรี ได้มีการบูรณะพระนครคีรีให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญ ทำให้ชาวบ้านในละแวกนั้นทำขนมหม้อแกงที่สืบทอดกันมาจากรุ่นสู่รุ่นออกมาจำหน่าย ทำให้ขนมหม้อแกงเป็นขนมที่ขึ้นชื่อของจังหวัดเพชรบุรี

ขนมหม้อแกงสมัยก่อนจะทำกินกันเฉพาะในงานสำคัญ เช่น งานบวช หรืองานแต่งงาน ซึ่งขนมหม้อแกงนั้นจะถูกอบในเตาถ่านที่ใช้แผ่นสังกะสีมาคลุมบนถาดขนม แล้วใช้ถ่านหรือกาบมะพร้าวจุดไฟ แล้วเกลี่ยให้ทั่วสังกะสี ขนมหม้อแกงจะได้รับความร้อนทั้งด้านบน และด้านล่าง ทำให้หน้าของขนมหม้อแกงมีลักษณะเป็นสีน้ำตาลทอง

ส่วนผสม


1. ไข่ไก่ 1 ฟอง

2. น้ำตาลปี๊บ 3/4 ถ้วย

3. นมข้นจืด 1 กระป๋อง

4. ใบเตย 4-5 ใบ

5. แป้งข้าวเจ้า 2 ช้อนโต๊ะ

6. เผือกนึ่งบด 1 ถ้วย

7. หอมเจียว 2 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ

1. ผสมไข่ไก่ นมข้นจืด และน้ำตาลปี๊บ ใส่ถุงมือขยำจนน้ำตาลปี๊บละลาย

2. ใส่แป้งข้าวเจ้าลงไปแล้วก็ขยำด้วยใบเตยอีกครั้ง และกรองด้วยกระชอนเพื่อความเนียนของขนม

3. ใส่เผือกบดลงไป คนให้เข้ากันจากนั้นก็นำหม้อตั้งไฟ ใส่หอมเจียวพร้อมกับน้ำมันของหอมเจียวด้วย

4. เทส่วนผสมลงหม้อ แล้วคนจนขนมข้นเหนียว ใช้เวลาประมาณ 5 นาที

5. เทใส่พิมพ์สี่เหลี่ยม เคาะเพื่อไล่อากาศออก แล้วนำเข้าเตาอบ ใช้ไฟ 120 องศา ในเวลา 25 – 30 นาที

6. เสร็จแล้วนำออกมาโรยด้วยหอมเจียวหรือเม็ดบัวก็ได้ค่ะ

Friday, October 4, 2019

การทำหม่ำหมู สูตรดเด็ดจากชัยภูมิ



การทำหม่ำหมู สูตรดเด็ดจากชัยภูมิ 




               หม่ำ
เป็นการถนอมอาหารแบบอีสานประเภทหนึ่ง เป็นการนำเนื้อสัตว์มาสับรวมกับเครื่องใน กระเทียม ข้าวคั่ว เกลือ นำไปยัดไส้หรือถุงน้ำดี หมักไว้ 5-6 วันจนมีรสเปรี้ยว ถ้าหมักในถุงน้ำดีจะได้หม่ำรูปกลม ถ้าหมักในไส้จะได้หม่ำรูปท่อน แต่เดิมใช้ถนอมเนื้อวัวที่เหลือจากการล้มวัว โดยใช้เนื้อวัวที่มีคุณภาพดีกว่าที่ใช้ทำไส้กรอกอีสาน ปัจจุบันมีที่ทำจากเนื้อหมูด้วย เราเลยขอนำเสนอ ความอร่อยได้เลยคะ

เตรียมวัตถุดิบตามนี้จร้า

1.เนื้อหมูไม่ติดมัน 2 กก.

2.ม้ามหมู(สดๆ) 300 กรัม (3ขีด)

3.กระเทียม 100 กรัม (1ขีด)

4.ข้าวคั่ว 2 ช้อนโต๊ะ

5.เกลือ 4 กรัม

6.ผงปรุงรส 60 กรัม

7.ข้าวเหนียว 2 ปั้น (เท่าไข่ไก่แช่ไว้ในน้ำเปล่า)

8.ไส้หมูหมักเกลือ

วิธีทำ 

ขั้นตอนที่ 1.

ให้เรานำเนื้อหมูไปบด (ใช้แป้นบดหมูแบบหยาบ อย่าบดละเอียดจนเกินไป) แล้วตามด้วยกระเทียมก็นำไปบดเช่นเดียวกัน (กระเทียมใช้แป้นบดหมูแบบละเอียด) จากนั้นก็นำม้ามไปย่างให้มีกลิ่นหอม (ย่างม้ามอย่าให้สุก พอได้กลิ่นหอมก็พอ) จากนั้นก็นำไปบดเช่นเดียวกับเนื้อหมู พอเตรียมวัตถุดิบเสร็จแล้ว

ขั้นตอนที่ 2.

ให้นำวัตถุดิบและเครื่องปรุงมาเทรวมใส่กันทั้งหมด จากนั้นให้คลุก ส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากัน แล้วตามด้วยการนวด ใช้เวลาในการนวดจนเหนียวประมาณ 30 นาที ถ้ารู้สึกว่าเหนียวแล้วก็เป็นอันได้ที่ จากนั้นให้นำไส้ไปล้างน้ำแล้วก็นำมายัด หม่ำได้เลย


Thursday, October 3, 2019

เปิดตัว New Yamaha MT-25 (03) คันใหม่อย่างเป็นทางการ



เปิดตัว New Yamaha MT-25 (03) คันใหม่อย่างเป็นทางการ

ทาง YIMM หรือ Yamaha Indonesia ได้ทำการเปิดตัว New MT-25 อย่างเป็นทางการ (หรือว่าที่ New MT-03 สำหรับที่จะวางจำหน่ายกันในต่างประเทศ รวมไปถึงไทยเราด้วย) โดยถือว่าเป็นรถมอเตอร์ไซค์สปอร์ตเนกเกตคันล่าสุดของทางค่าย Yamaha ตอนนี้!



สำหรับ New Yamaha MT-25 นั้นมาพร้อมกับดีไซน์ไฟหน้าแบบสองดวงแยกซ้ายขวา LED ที่มีขนาดเรียวเล็ก พร้อมกับไฟ Mono Focus ตรงกลางด้านล่าง ลักษณะคล้ายๆ กันกับใน All New MT-15 มีการออกแบบบอดี้ส่วนกลางของตัวรถใหม่ ถังน้ำมันใหม่ เพิ่มความกระชับและโมเดิร์นมากขึ้น หน้าจอแสดงผลแบบใหม่ ที่มีไฟชิฟท์ไลท์เพื่อช่วยเตือนให้ผู้ขับขี่นั้น เปลี่ยนเกียร์​ในจังหวะที่เหมาะสมที่สุด และแน่นอนว่าไฮไลท์สำคัญอย่างระบบกันสะเทือนหน้าแบบหัวกลับ Upside Down นั้น ก็มีมาให้ด้วย ส่วนระบบกันสะเทือนด้านหลังนั้นจะเป็นแบบโมโนโช้ก

ภาพรวมในเรื่องของการดีไซน์ตัวรถนั้น จะเป็นส่วนผสมกันระหว่าง MT-09 และ MT-15 แต่เบาะนั่งนั้นจะมาในรูปแบบของเบาะสองตอนยกระดับ ให้อารมณ์ความเป็นสปอร์ตที่มากกว่า MT ทั้งสองรุ่นที่อ้างอิงมา เสริมด้วยช่องสกู้ปดักอากาศด้านซ้ายและขวาข้างถังน้ำมัน ในขณะที่ยางรถนั้นจะมีขนาด 110/70 สำหรับด้านหน้า และขนาด 140/70 สำหรับด้านหลังแบบทูบเลส ล้อแม็กขอบ 17 นิ้วทั้งคู่ ซึ่งสัดส่วนตรงนี้จะเป็นการเพิ่มความเสถียรในการขับขี่ให้มากขึ้น ส่วนแฮนด์รถนั้นจะเป็นแบบแฮนด์บาร์แบบยกสูงขึ้นมาเล็กน้อย ยังคงให้อารมณ์ความเป็นสปอร์ตในการขับขี่อยู่

สำหรับในเรื่องขุมกำลังของ New Yamaha MT-25 นั้นจะมาพร้อมกับเครื่องยนต์ 250cc แบบ DOHC 2 สูบเรียง 8 วาล์ว ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์ 6 สปีด ระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำ ให้แรงม้าสูงสุดมาอยู่ที่ 35.5 HP ที่ 12,000 รอบต่อนาที และทอร์คหรือว่าแรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 23.6 นิวตันเมตรที่ 10,000 รอบต่อนาที เน้นอัตราเร่งที่จัดจ้าน

New Yamaha MT-25 นั้นจะมีให้เลือกด้วยกัน 3 สีก็คือ สีเทา-ส้ม, สีน้ำเงิน-ดำ และสีดำ โดยที่อินโดนีเซียนั้นเปิดราคามาอยู่ที่ประมาณ 116,000 บาทเมื่อแปลงเป็นเงินไทย และแน่นอนว่าหลังจากนี้อีกไม่นาน คาดว่า Yamaha ประเทศไทยนั้นจะทำการเปิดตัว New MT-03 คันใหม่กันบ้าง โดยสเปกพื้นฐานเกือบทั้งหมด รวมไปถึงงานดีไซน์นั้น จะไม่แตกต่างไปจากนี้ เว้นแต่ในเรื่องของสเปกเครื่องยนต์ที่จะมาในพิกัด 321cc โดยให้ทั้งแรงม้าและแรงบิดที่แตกต่างกันออกไป แฟนๆ ของทาง Yamaha รอติดตามการอัพเดทกันได้หลังจากนี้อีกไม่นานเกินรอ!!!

เมนูที่มาพร้อมกับเทศกาลกินเจ 2562 เตรียมตัวให้พร้อมกับเทศกาลกินเจกันหรือยัง



เมนูที่มาพร้อมกับเทศกาลกินเจ 2562 เตรียมตัวให้พร้อมกับเทศกาลกินเจกันหรือยัง


เทศกาลกินเจปี 2562 นี้ตรงกับ ตรงกับวันที่ 29 กันยายน - 7 ตุลาคม 2562 รวมเป็นเวลา 9 วัน ซึ่งบางท่านอาจจะล้างท้องวันที่ 28 กันยายน รวมเป็น 10 วันก็ได้ ทำไมเราต้องกินเจ กินเจแล้วได้อะไร แล้วเทศกาลกินเจถือกำเนิดขึ้นมาได้อย่างไร เราจะเล่าให้ฟังค่ะ




เทศกาลกินเจ

คำว่า “เจ” ในภาษาจีนทางพระพุทธศาสนา หมายถึง “อุโบสถ หรือการรักษาศีล 8” ของศาสนาพุทธนิกายมหายาน ที่จะมีการรักษาอุโบสถศีล ไม่บริโภคอะไรหลังเที่ยงวันตามหลักศีล 8 ข้อ และไม่บริโภคเนื้อสัตว์ เพื่อเป็นการไม่เบียดเบียนสิ่งมีชีวิต ช่วงหลังจึงเรียกคนที่ไม่กินเนื้อสัตว์ว่า “กินเจ” ไปด้วย แต่ถึงกระนั้นการกินเจไม่ใช่เพียงแต่งดเนื้อสัตว์ อาหาร และเครื่องปรุงที่มีส่วนประกอบของเนื้อสัตว์ แต่ยังรวมถึงการรักษาศีล ประพฤติตัวเป็นคนดีทั้งกาย วาจา ใจ อีกด้วย

ช่วงเวลาเทศกาลกินเจ

ช่วงเทศกาลกินเจของทุกปี ตรงกับวันขึ้น 1 ค่ำ ถึง 9 ค่ำ เดือน 9 ตามปฏิทินจีน ตรงกับเดือน 11 หรือเดือนตุลาคมของไทย ตามปฏิทินสากล รวมเป็นเวลาทั้งสิ้น 9 วัน 9 คืน

เทศกาลกินเจ เริ่มตั้งแต่วันที่เท่าไหร่ 

เริ่มวันที่ 29 กันยายน - 7 ตุลาคม 2562 บางท่านอาจจะล้างท้องตั้งแต่วันที่ 28 กันยายนในมื้อเย็น ก็สามารถทำได้
ทำไมเราต้องกินเจ

1. กินเจ เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้น เพราะอาหารเจถือเป็นอาหารชีวจิตอย่างหนึ่ง ช่วยปรับสภาพร่างกายให้สมดุล ล้างพิษในร่างกาย รวมถึงช่วยเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรงและทำงานอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เพราะคนจีนเชื่อว่า เนื้อสัตว์เป็น “หยิน” และผักผลไม้เป็น “หยาง” โดยธรรมชาติคนเรามักทานเนื้อสัตว์เยอะกว่าผักผลไม้ การงดทานเนื้อสัตว์จึงเป็นการปรับให้หยินและหยางสมดุลมากยิ่งขึ้นด้วย

2. กินเจ เพื่อทำบุญ เพื่อชำระล้างใจให้ใสสะอาด ไม่เบียดเบียนสัตว์โลก ทำให้จิตใจเราผ่องใสมากขึ้น เมื่อเราทราบว่าสิ่งที่เราทำเป็นเรื่องที่ดี ก็จะส่งผลต่อจิตใจที่เบิกบาน เป็นสุขขึ้น

3. กินเจ เพื่อละเว้นกรรม ที่เกิดจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต หรือแม้กระทั่งการจ้างฆ่าเพื่อการบริโภค หากเราทราบว่าการงดบริโภคเนื้อสัตว์ เป็นการช่วยชีวิตสัตว์นับพันนับหมื่น เราก็จะช่วยลดกรรมของเราได้มากขึ้น
ทำไมต้องล้างท้อง

การล้างท้องหมายถึง เริ่มกินเจก่อนถึงวันเริ่มต้นเทศกาลจริง 1-2 วันเพื่อให้ร่างกายค่อยๆ ปรับสภาพ และทำความคุ้นเคยกับการกินเจได้ดียิ่งขึ้น



ธงเจ มีความหมายอย่างไร 

ตัวอักษรภาษาจีน อ่านว่า “ไจ” หรือ “เจ” หมายถึง “ของไม่มีคาว”
ตัวอักษรสีแดง หมายถึง ความเป็นสิริมงคลในชีวิต พื้นหลังสีเหลือง หมายถึง สีของพุทธศาสนา หรือผู้ทรงศีล
ธงเจจึงเป็นสัญลักษณ์ของการกินเจ และเป็นเครื่องยืนยันย้ำเตือนพุทธศาสนิกชนให้หันมาเตรียมตัวร่วมเทศกาลกินเจด้วยกัน

นอกจากเนื้อสัตว์แล้ว ห้ามกินอะไรบ้าง 

1. ผักที่มีกลิ่นฉุน 5 อย่าง ได้แก่ กระเทียม (ไม่ดีต่อหัวใจ), หอมใหญ่ แดง ขาว ต้นหอม (ไม่ดีต่อไต), หลักเกียว ผักของจีน มีลักษณะคล้ายกระเทียมโทน (ไม่ดีต่อม้าม), กุยช่าย (ไม่ดีต่อตับ) และ ใบยาสูบ (ไม่ดีต่อปอดเมื่อใช้สูบ) นอกจากนี้ผักชนิดไหนที่มีกลิ่นฉุนก็ไม่ควรทานระหว่างช่วงกินเจด้วย

2. นม เนย น้ำมัน และผลิตภัณฑ์จากสัตว์

3. อาหารรสจัด ไม่ว่าจะเป็นเค็มจัด หวานจัด เปรี้ยวจัด หรือเผ็ดจัด

4. เครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์

5. ใครที่กินเจจริงจัง ห้ามทานอาหารบนภาชนะที่ใช้ร่วมกับผู้ที่ไม่ได้กินเจ และต้องทานอาหารที่ปรุงจากคนที่กินเจด้วยกันเท่านั้น

ถึงแม้การกินเจจะดูเป็นเรื่องยากสำหรับคนชอบทานเนื้อสัตว์ แต่เราเชื่อว่าหากคุณได้ลองกินเจแล้ว นอกจากสุขภาพที่จะดีขึ้นอย่างทันตาเห็นแล้ว ยังอิ่มบุญอิ่มใจจากการถือศีล และหากออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอควบคู่ไปด้วย ยังได้ผิวพรรณที่ดี และหุ่นสวยหล่อเพอร์เฟ็คแน่นอน ใครยังไม่เคยก็ลองกินเจปีนี้เป็นปีแรกกันดูนะคะ รับรองว่าจะต้องติดใจจนไม่อยากหยุดกินเจแน่นอน


เราเลยขอแนะนำ ในช่วงเทศกาลกินเจปี 2562 นี้ คือ

ขนมจีบ(เจ)​ 




ส่วนผสม 

1. แผ่นเกี๊ยวเจ
2. แฮมเจ 250 กรัม
3. แห้วนึ่งสุก 10 ลูก
4. ข้าวโพดหวาน 1/2 ฝัก
5. แครรอทฝอย 1/ 2 ถ้วย
6. พริกไทยดำ 1-2 ช้อนชา
7. น้ำตาล 1 ช้อนชา
8. น้ำมันงา 1 ช้อนโต๊ะ
9. แป้งข้าวโพด 2 ช้อนโต๊ะ
10. แป้งมัน 1 ช้อนชา
11. น้ำเปล่า 1 ถ้วย

ขั้นตอน

1. ฮั่นแฮมเจเป็นท่อนๆ นำไปตำให้เนื้อฟู พักไว้

2. หั่นแห้ว ข้าวโพดเป็นชิ้นเล็กๆ
 
3. นำแฮมที่ตำ ไปคั่วในกระทะให้หอม ใส่พริกไทย น้ำมันงาลงไป เคล้าให้เข้ากัน ตักใส่ถาด ให้เย็น
 
4. ใส่ แห้ว แครรอท ข้าวโพด แป้งข้าวโพด น้ำมันลงไปผสมกับแฮม เคล้าให้เข้ากัน

5. เตรียมแผ่นเกี๊ยว ใส่น้ำเปล่า แป้งมันผสมไว้ในถ้วย(ไว้สำหรับทาขอบแผ่นเกี๊ยว ให้แผ่นไม่แตกออกมา)​ ตักไส้ใส่ตรงกลาง ใช้มือบีบขอบๆ ทำเป็นจีบ

6. นำขนมจีบไปนึ่งให้สุก(ประมาณ25 นาที)​ พร้อมเสริฟกับน้ำจิ้ม

ยำหัวปลีสด เมนูยำแบบไทยๆ ที่หลายๆ ต้องลอง

ยำหัวปลีสด เมนูยำแบบไทยๆ ที่หลายๆ ต้องลอง


ยำหัวปลีสด เมนูยำแบบไทยๆ ที่หลายๆ ต้องลอง




เมนูยำแบบไทยๆ ที่เป็นเมนูเพื่อสุขภาพ ที่แม่บ้านอยากแนะนำ นอกจากจะอร่อยมากแล้ว ยังอุดมไปด้วยคุณค่าทางสารอาหารสูง  อีกด้วยจ้า  บาคาร่า

 หัวปลี นับเป็นกระแสอาหารเพื่อสุขภาพที่มาแรงในต่างประเทศโดยเฉพาะในกลุ่มคนกินมังสวิรัติ เพราะหัวปลีมีเส้นใยเหนียวแน่น ให้รสสัมผัสคล้ายเนื้อสัตว์ ที่สำคัญหัวปลีมีแคลอรีต่ำมาก คนที่กำลังลดน้ำหนักก็สนใจเทรนด์กินหัวปลีมากเหมือนกัน ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจที่ราคาหัวปลีในต่างประเทศจะพุ่งสูงถึงกิโลกรัมละพันบาท ! โอ้โห...บูมขนาดนี้เราต้องมาอ่านสรรพคุณของหัวปลีสักหน่อยแล้วล่ะค่ะว่าหัวปลีประโยชน์ดียังไง



หัวปลีมีรูปทรงคล้ายหยดน้ำ โคนปลีกว้าง ปลายปลีแหลม หัวปลีเป็นส่วนดอกของต้นกล้วยที่ทำหน้าที่ห่อหุ้มกล้วยหลาย ๆ ผลรวมกัน หัวปลีจะผลิกล้วยออกมาหลายหวีจนกระทั่งไม่คายกาบออกมาเป็นกล้วยแล้ว ซึ่งคราวนี้ก็จะเหลือแต่หัวปลีที่มีเนื้อสีขาวภายใน หรือที่เรียกกันว่าปลีกล้วยนั่นแหละค่ะ
 
มาดูสรรพคุณของหัวปลี 


บำรุงเลือด หัวปลีมีธาตุเหล็กสูง ช่วยบำรุงเลือด ป้องกันโลหิตจาง โดยเฉพาะในหญิงตั้งครรภ์หรือคุณแม่หลังคลอดบุตร

ขับน้ำนม ด้วยสรรพคุณหัวปลีที่ช่วยบำรุงเลือด ทำให้หัวปลีมีประโยชน์ในการช่วยขับน้ำนมของหญิงหลังคลอดบุตร โดยให้รับประทานเมนูหัวปลีหลังคลอดใหม่ ๆ จะช่วยขับน้ำนมได้ดีมาก

ลดระดับน้ำตาลในเลือด หัวปลีกับการลดระดับน้ำตาลในเลือด โดยทดลองให้หนูกินหัวปลี 0.15-0.25 กรัมต่อน้ำหนักตัว (กิโลกรัม) ตลอดระยะเวลา 30 วัน

ลดการอักเสบในร่างกาย
ในหัวปลีมีสารต้านอนุมูลอิสระที่เรียกว่า มีทานอล พบว่า สารสกัดจากหัวปลีมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ค่อนข้างมาก และเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีประสิทธิภาพในการป้องกันเซลล์ถูกทำลาย ป้องกันการอักเสบในร่างกายได้

ประจำเดือนมามาก หัวปลีช่วยได้ แม้ห้วปลีจะมีสรรพคุณบำรุงเลือด แต่สำหรับสาว ๆ ที่ประจำเดือนมามากเกินไป (ต้องใช้ผ้าอนามัยเกิน 5 ชิ้นต่อวัน) หัวปลีจะช่วยลดปริมาณเลือดประจำเดือนให้ได้ค่ะ โดยหัวปลีมีสรรพคุณกระตุ้นร่างกายให้สร้างฮอร์โมนโปรเจสเทอโรน ซึ่งเป็นฮอร์โมนเพศชาย ช่วยให้ปริมาณเลือดประจำเดือนที่มามาก มาเกินความจำเป็นลดน้อยลงไปได้

ช่วยต้านเศร้า หัวปลีมีแมกนีเซียม ธาตุอาหารสำคัญที่มีผลรักษาอาการซึมเศร้า ดังนั้นใครรู้สึกไม่ค่อยดี เหมือนซึม ๆ เศร้า ๆ ลองรับประทานหัวปลีสักเมนูสิคะ

รักษาโรคกระเพาะ ยางจากหัวปลีมีฤทธิ์สมานแผลในกระเพาะอาหาร โดยวิธีใช้ให้นำหัวปลีมาเผาแล้วคั้นเอาแต่น้ำมาดื่มให้ได้ประมาณครึ่งแก้ว ใช้เป็นยาเคลือบกระเพาะก่อนรับประทานอาหารประมาณ 1 ชั่วโมง สูตรนี้เป็นยาโบราณเลยล่ะค่ะ


ส่วนผสม

1. หัวปลี   1   หัว 
2. กุ้งสดปอกเปลือกผ่าหลังดึงเส้นดำออกลวกสุก   5   ตัว 
3. หมูสับรวนสุก   2   ช้อนโต๊ะ  
4. หอมเจียว   1   ช้อนโต๊ะ  
5. พริกขี้หนูซอย   1   ช้อนชา   
6. น้ำพริกเผา   2   ช้อนโต๊ะ 
7. หัวกะทิตั้งไฟเคี่ยว พอข้น   2   ช้อนโต๊ะ   
8. น้ำปลา   1   ช้อนชา 
9. น้ำมะนาว   1   ช้อนโต๊ะ  
10. น้ำตาลปี๊บ   1   ช้อนชา      
11. ใบสะระแหน่   ¼  
12. ถ้วยตวง  
13. ไข่ต้มหั่นชิ้น   1   ฟอง 
14. น้ำเปล่าผสมน้ำมะขามเปียกหรือน้ำมะนาว

วิธีทำ

1.แกะหัวปลีส่วนสีแดงทิ้ง พอถึงส่วนสีขาวแกะออกเป็นกาบ ๆ

2.เรียงหัวปลีซ้อนกัน ซอยบาง ๆ ชั่งให้ได้ 150 กรัม รีบแช่ลงในน้ำเปล่าผสมน้ำมะขามเปียกหรือ น้ำมะนาว หรือน้ำส้มสายชู แล้วล้างออกด้วยน้ำเปล่าอีกครั้ง ( ช่วยไม่ให้หัวปลีดำ )

3.ผสมน้ำพริกเผา น้ำปลา น้ำตาลปี๊บ และน้ำมะนาว คนให้เข้ากัน ใส่พริกขี้หนู

4.ผสมหัวปลี กุ้งลวก หมูรวน และน้ำยำ คลุกเคล้าให้เข้ากัน ตักใส่ภาชนะ ราดด้วยหัวกะทิ เรียงไข่ต้มไว้ด้านข้าง โรยหอมแดงเจียว และใบสะระแหน่ จัดเสิร์ฟ


นอกจากอร่อยแล้ว หัวปลียังมีประโยชน์ต่อสุขภาพอีกมากมาย และยังเป็นอาหารมังสวิรัติที่ให้คุณค่าทางโภชนาการสูง แคลอรีต่ำ ที่สำคัญรสชาติยังคล้ายเนื้อสัตว์ไม่เบาเลยล่ะค่ะ

ข้อควรระวังในการทานหัวปลี 
  หัวปลีเป็นสมุนไพรที่มีแป้งซึ่งร่างกายจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลทีหลัง ดังนั้นคนที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ก็พยายามอย่ากินหัวปลีเยอะจนเกินไป เพราะอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นได้นะคะ

Wednesday, October 2, 2019

สูตรไก่ย่างเขาสวนกวาง สูตรลับระดับตำนาน



สูตรไก่ย่างเขาสวนกวาง สูตรลับระดับตำนาน 

ไก่ย่างเขาสวนกวาง หมักไก่และย่างให้สุก กินกับน้ำจิ้ม วิธีทำไก่ย่างเขาสวนกวาง ง่ายๆสามารถทำกินเองที่บ้านได้ ความพิเศษอยู่ที่การเลือกไข่ที่ขนาดพอดี การหมักไก่ เทคนิคการย่างไก่ และ น้ำจิ้มสูตรพิเศษ บาคาร่า




ปิ้งไก่สูตรเขาสวนกวาง ที่ขึ้นชื่อเลืองลือไปไกล ความอร่อยของไก่ย่างเขาสวนกวาง คือ หนักกรอบ เนื้อนุ่ม ไม่มันมากเกินไป และ เนื้อไก่ มีรสชาติแบบไม่เหมือนใคร

อยากทำไก่ย่างเขาสวนกวางขาย ลองเอาสูตรนี้ไปลองทำ เรานำเสนอ ทั้งหมดทุกขั้นตอนอย่างละเอียด สูตรไก่ย่างเขาสวนกวาง ส่วนผสมและขั้นตอนการทำเข้าใจง่าย เหมาะสำหรับคนรักการทำอาหาร เมนูไก่

วัตถุดิบ

1. ไก่ 1 ตัว
2. รากผักชี
3. กระเทียม
4. พริกไทยเม็ด
5. เกลือ
6. น้ำตาลทราย
7. งาขาว

วิธีทำ

1. เริ่มเลยจ้า ไก่ 1 ตัว ล้างดีๆ สับคอ แล้วก็ผ่าหน้าอกไก่
2. ตำรากผักชี+กระเทียม+พริกไทยเม็ดให้ละเอียด
3. เทน้ำต้มสุกใส่ไก่นิดหน่อย ปรุงรส เกลือ น้ำตาลทรายนิดหน่อย งาขาว ผงชูรสนิดหน่อย ตักมาหมักไก่ให้ทั่ว
4. แล้วจัดการยัดลงใส่ถุงปิดปาก แช่ไว้ในตู้เย็น1คืนกะได้ แต่ 6ชั่วโมงพอได้ค่ะ
5. แล้วนำเข้าย่างในเตาอบ ไฟ 200 องศา เอาทางท้องอบก่อน30นาที แล้วกะอบทางหลัง45นาทีหรือให้สุกเหลือง
6. สับใส่จาน กินกับข้าวเหนียว หรือส้มตำก็ได้

Tuesday, October 1, 2019

ขนมกล้วย สูตรขนมไทยโบราณ เนื้อนิ่มอร่อย



ขนมกล้วย สูตรขนมไทยโบราณ เนื้อนิ่มอร่อย

ขนมกล้วย สูตรขนมไทยโบราณ ที่มีมาแต่โบราณ นิยมใช้กล้วยน้ำว้าสุกงอมขูดเอาแต่เนื้อนิ่ม ๆ มาขยำกับกะทิและแป้ง โรยหน้าด้วยมะพร้าวขูด ห่อใบตองนึ่ง เสน่ห์ของขนมกล้วยนั้นอยู่ที่ความหอมหวานของกล้วยกับกะทิ บาคาร่า




ส่วนผสม  

1. กล้วยน้ำว้า สุกงอมขูดเอาแต่เนื้อนิ่ม ๆ 3½ ถ้วย (ประมาณ 20 – 30 ผล)
2. แป้งข้าวเจ้า 1 ถ้วย
3. แป้งมัน ½ ถ้วย
4. แป้งเท้ายายม่อม ¼ ถ้วย
5. น้ำตาลทราย ½ ถ้วย
6. เกลือ 1 ช้อนชา
7. กะทิ 1 ถ้วย (คั้นจากมะพร้าวขูด 300 กรัม)
8. มะพร้าวทึนทึก ขูดเส้นสำหรับโรยหน้าขนม 1 ถ้วย (ผสมเกลือเล็กน้อย)
9. กระทงใบตองหรือถ้วยตะไลสำหรับใส่ขนม
(ใช้แต่เนื้อกล้วย ขนมสีสวยน่ารับประทาน)

วิธีทำ

1. นำลังถึงใส่น้ำ ยกขึ้นตั้งไฟ เตรียมไว้
2. ผสมแป้ง 3 ชนิดเข้ากัน ใส่น้ำตาล เกลือและกะทิ คนให้ละลายเข้ากัน อย่าให้แป้งจับตัวเป็นเม็ด
3. เติมเนื้อกล้วยลงไป ขยำด้วยมือให้เข้ากันอีก ตักใส่กระทงใบตองหรือถ้วยตะไลโรยด้วยมะพร้าวขูดเล็กน้อย เรียงใส่ลังถึงนำไปนึ่งบนน้ำเดือดประมาณ 10 นาที ยกลงพร้อมเสิร์ฟ ขนมไทย อร่อยๆ แล้วล่ะคะ

*****พลังงานต่อหนึ่งชิ้น 69.10 กิโลแคลอรี
*****โปรตีน 0.56 กรัม ไขมัน 1.66 กรัม
*****คาร์โบไฮเดรต 13.19 กรัม ไฟเบอร์ 0.58 กรัม