Pudding อาหารหวานชั้นยอดที่น่าอร่อย

Pudding อาหารหวานชั้นยอดที่น่าอร่อย

Pudding เป็นของหวานที่ยุคนี้หาทานได้ง่าย บาคาร่า ราคาก็ไม่ค่อยสูงมากแค่ไหนนัก หรือบางบุคคลก็มักจะทำทานเองเพราะเหตุว่าทำเป็นง่าย แป๊ปเดียวก็เสร็จทั้งยังอร่อยอีกด้วย ตัวของหวานมี สัมผัสแบบนุ่มนวล นุ่ม ค่อย เหมาะที่จะนำมาทานล้างปากหลังรับประทานอาหารมื้อหนักจริงๆ

โดย Pudding เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1837 คนคิดค้นคือ นาย Alfred Bird ซึ่งเดิมทีเป็นการกลับแผลงมาจาก Custard โดยการใช้ แป้งข้าวโพดแทนไข่ เพราะว่าเมียสุดหนรักของนาย Alfred คุณแพ้ไข่นั่นเอง โดยในตอนแรกนั้นคนยังรู้จักของหวานจำพวกนี้ในชื่อ Bird’s Custard แต่ด้วยความอร่อยถูกใจ มันก็เลยได้แพร่หลายอย่างเร็ว รวมทั้งรู้จักกันอย่างมากมายในชื่อ Pudding ถัดมาในปี ค.ศ. 1861 Ms. Beeton เขาได้สร้างหนังสือทำอาหารและก็ของหวานแบบล้ำยุค ไม่จำเจ เพื่อสืบต่อให้คนรุ่นใหม่รวมถึงวัยรุ่นที่พึงพอใจสำหรับเพื่อการปรุงอาหาร และตำราเล่มนี้เองก็ได้มีสูตรดัดแปลงแก้ไขของ Pudding อย่างหลายหลาย ทำให้ Pudding ได้เป็นเปลี่ยนมาของหวานที่ได้รับความโด่งดังเยอะขึ้นในยุคนั้น ซึ่ง Pudding แต่ละจำพวกก็ยังคงเป็นที่นิยมมาจนกระทั่งเดี๋ยวนี้

Pudding ในยุคนั้นได้เปลี่ยนมาเป็นเครื่องหมายของหวานของพวกไฮโซไปโดยปริยาย พอเพียงในปี ค.ศ. 1960 ก็ถึงเวลาแปลงช่วงของ Pudding ด้วยเหตุว่าแบรนด์ดั้งเดิมอย่าง Bird ซึ่งฯลฯเกิดของ Pudding ได้กลับมาลงในสนามอีกรอบ ครั้งนี้เป็นการเอาอกเอาใจม่าม้าบ้านที่ไม่ว่างปรุงอาหาร ด้วย Pudding สำเร็จรูปซึ่งมาใน Brand ของ Bird ที่มีชื่อว่า Angel Delight ส่งผลให้ในตอนนั้นใครๆก็ต่างเรียก Pudding จำพวกนี้ว่า Angle Delight ถึงขั้นรายการอาหารห้องอาหารยังคงใช้คำนี้ด้วยอย่างยิ่งจริงๆในขณะนี้ของหวาน Pudding ซึ่งมีต้นกำเนิดเพียงแค่รสเดียวได้เปลี่ยนมามีชื่อเสียงอย่างมากมายไม่ว่าใครๆก็จำต้องเคยทาน ทั้งมันฯลฯตำหรับของของหวานต่างๆในตอนนี้ที่ได้เอามาพลิกแพลง ได้แก่ Banoffee pie เป็นการนำ Pudding มาดัดแปลง ใส่กล้วย , คาราเมล , ครีม ส่วนฐานทำจากบิสกิต

อย่างในปี ค.ศ.1970 ก็ได้มี Sticky Toffee Pudding เกิดขึ้นตามมาอย่างเดียวกัน ในตอนนี้ก็มีแบรนด์อาหารหวานชั้นหนึ่งอย่าง Mark and Spensor รวมทั้ง Gu เป็นคู่ปรับตัวฉกาจสำหรับในการขาย Pudding สำเร็จรูป และก็แน่ๆว่าได้รับความสำเร็จอย่างมากอย่างยิ่งจริงๆ

ต้นเหตุของชื่อ Pudding
จากรากศัพท์ในสมัยโบราณ จากคำ puduc มีความหมายว่า บวมเป่ง หรือเต่งตึง ซึ่งมันตรงกับรูปร่างของเจ้า Pudding อย่างเห็นได้ชัด แต่ว่าในขณะนี้ pudding จะใช้เรียกของกินทำโดยการอบ ก็เลยได้มีการสร้างสรรค์สูตรใหม่ๆของของกินที่ทำมาจากการอบหลายอย่าง โดยใช้คำว่า pudding พ่วง ได้แก่ rice-pudding , black-pudding ฯลฯ

ขอขอบคุณแหล่งที่มา www.blogger.com